ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ
เรื่อง ความคิดเห็นของประชาชนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และความหวังต่อความปรองดองของคนในชาติ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปใน 17 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร กาญจนบุรี สุพรรณบุรี สมุทรปราการ พะเยา เพชรบูรณ์ เชียงใหม่ นครพนม สกลนคร สุรินทร์ บุรีรัมย์ ขอนแก่น นครราชสีมา ชุมพร ตรัง และนครศรีธรรมราช จำนวนทั้งสิ้น 2,193 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 16 – 20 สิงหาคม 2554 ที่ผ่านมา โดยใช้การเลือกตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น ที่สุ่มเลือกจังหวัด อำเภอ ตำบล ชุมชน ครัวเรือน และประชาชนที่ตอบแบบสอบถามระดับครัวเรือน โดยมีช่วงความคลาดเคลื่อนบวกลบร้อยละ 7 พบว่า
ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 52.7 ไม่ไว้วางใจ และเกรงว่าจะมีเหตุวุ่นวายขัดแย้งรุนแรงเกิดขึ้นอีกจากกระแสข่าวการแก้ไขรัฐธรรมนูญและสถานการณ์การเมืองขณะนี้ ในขณะที่ร้อยละ 47.3 ไว้วางใจได้ว่า ไม่มีความวุ่นวายรุนแรงอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เมื่อถามถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในขณะนี้ พบว่า เกินครึ่งเล็กน้อยหรือร้อยละ 53.3 ไม่เห็นด้วย โดยร้อยละ 12.0 ไม่เห็นด้วยและจะชักชวนคนอื่นออกมาคัดค้าน และร้อยละ 41.3 ไม่เห็นด้วยแต่จะไม่ชักชวนคนอื่นออกมาคัดค้าน ในขณะที่ร้อยละ 46.7 เห็นด้วยโดยร้อยละ 11.0 เห็นด้วยและจะชักชวนคนอื่นออกมาเรียกร้องให้แก้ไข และร้อยละ 35.7 เห็นด้วยแต่จะไม่ชักชวนคนอื่นออกมาเรียกร้องอะไร
ดร.นพดล กล่าวว่า เมื่อถามถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เป็นเรื่องเร่งด่วนต้องทำทันทีหรือเป็นเรื่องที่รอได้ ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 76.9 ระบุเป็นเรื่องที่รอได้ ไม่จำเป็นต้องทำทันทีตอนนี้ ในขณะที่ร้อยละ 23.1 ระบุเป็นเรื่องเร่งด่วนต้องทำทันที
ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามความคิดเห็นต่อการนำรัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมาใช้แทนรัฐธรรมนูญปี 2550 พบว่า ก้ำกึ่งกัน คือ ร้อยละ 50.8 ไม่เห็นด้วย และร้อยละ 49.2 เห็นด้วย โดย ร้อยละ 10.8 ไม่เห็นด้วยและจะชักชวนคนอื่นออกมาคัดค้าน และร้อยละ 40.0 ไม่เห็นด้วยแต่จะไม่ชักชวนคนอื่นออกมาคัดค้าน ในขณะที่ร้อยละ 11.5 เห็นด้วยและจะชักชวนคนอื่นออกมาเรียกร้องให้แก้ไข และร้อยละ 37.7 เห็นด้วยแต่จะไม่ชักชวนคนอื่นออกมาเรียกร้องอะไร
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบด้วยว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 55.1 เห็นว่าความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นความพยายามทำเพื่อผลประโยชน์ของคนบางคน บางกลุ่ม ในขณะที่ร้อยละ 44.9 เห็นว่า ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อถามถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวสารการเมืองที่ได้รับในเวลานี้ พบว่า ร้อยละ 40.9 ระบุรัฐบาลกำลังมุ่งช่วยเหลือ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตรมากเกินไป ร้อยละ 24.9 ระบุรัฐบาลกำลังมุ่งช่วยเหลือประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ร้อยละ 19.7 ระบุรัฐบาลกำลังมุ่งมั่นทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติอย่างแท้จริง และร้อยละ 14.5 ระบุรัฐบาลกำลังทำให้ประชาชนผิดหวังไปจากช่วงหาเสียงเพื่อชนะการเลือกตั้ง