แฉนักการเมืองเคลื่อนไหวฝั่งลาว

ศรชัย รับประกัน พ่อใหญ่จิ๋ว คืนชีพลงสนามการเมืองได้สบายเผยไม่เคยคิดทิ้งบ้านเมืองอยู่แล้ว ลิขิต เชียร์ออกหน้า เชื่อ บิ๊กจิ๋ว รีระเทิร์นการเมืองลงตัว กระทุ้ง หม่อมอุ๋ยทวงความรับผิดชอบหุ้นวูบ "บิ๊กบัง" ได้รับรายงานนักการเมือง

เคลื่อนไหว นัดชุมนุมฝั่ง สปป. ลาว สั่งการจับตาใกล้ชิด ลั่นอย่าหวังแบ่งแยกกองทัพออกจากประชาชน เผยมีขบวนการเคลื่อนไหวจ้องป่วนทหาร โปรยยาหอม "กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน" ต่ออายุตำแหน่งนานกว่าเดิม

เพื่อสนองงานให้ประชาชน "บุญสร้าง" จวกพวกเป็นโรค "กลัวอดีต" ระแวงทหารต่อท่อ "เสธ.ทบ." ปัดลงพื้นที่คลองเตยสลายฐาน ทรท. องค์กรพุทธศาสนาขอ คมช.ส่งตัวแทนเข้าร่วมยกร่าง รธน. กกต.เล็งเกาหลีใต้เป็นแบบอย่างลงโทษเด็ดขาดนักการเมืองซื้อเสียง หวังใช้แผนล่อซื้อจับซื้อเสียง "รังสิตโพล" สำรวจผลงาน 3 เดือน คมช. ส่วนใหญ่ไม่เชื่อร่าง รธน. สานต่ออำนาจ แนะ คมช. มาอย่างวีรบุรุษอยากให้จบสวย

เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวภายหลังแจกผ้าห่มและอุปกรณ์กันหนาว 2,400 ผืน ให้กับตัวแทนชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทั้ง 22 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอใน จ.เชียงใหม่

ว่า จากที่ได้รับรายงานจากแม่ทัพภาคที่ 3 ปัญหาคลื่นใต้น้ำในพื้นที่ภาคเหนือไม่น่าหนักใจ ทั้งนี้ยอมรับว่า ที่ผ่านมามีกระบวนการบางอย่างที่แยกกองทัพกับประชาชน ดังนั้น นโยบายใหม่จะให้กองทัพอยู่ใกล้ชิดกับประชาชน ประชาชนเป็นเจ้าของกอง ทัพ และขอให้มองว่าทหารเป็นเครื่องมือของประชาชน หากมีปัญหาเร่งด่วนให้แจ้งเพื่อการแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที

ประธาน คมช. กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้มีขบวนการทำลายศาสนา และสถาบัน การที่ทหารเข้ามาแก้ปัญหาเพื่อให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ขณะเดียวกันเห็นว่ากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นพลัง บริสุทธิ์ที่มาจากเสียงของประชาชนอย่างแท้จริง

และการทำงานของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ควรมีความต่อเนื่อง โดยกองทัพจะผลักดันให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อยู่ในตำแหน่งนานกว่าเดิมเพื่อการทำงานสนองความจำเป็นเร่งด่วนของประชาชนอย่างแท้จริง

พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ. ทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการมองว่าทหารจะเข้ามาสืบทอดอำนาจว่า คนที่คิดเป็นพวกที่ชอบวาดภาพเป็นตุเป็นตะว่าทหารจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เกิดความหวาดระแวง

กลัวภาพเก่า ๆ เขาเรียกว่าโรคกลัวอดีตว่าจะเกิดขึ้นมาอีก คนที่เป็นจะทรมานนิดหน่อย ตนว่าเราอย่าไปกลัว คิดอะไรต้องให้รอบคอบ นอกจากนี้ ตนเห็นว่าข่าวที่เกิดขึ้นในหน้าหนังสือพิมพ์บางครั้งไม่สร้างสรรค์ เช่น คอลัมน์ขอให้ออกมาอย่าง สร้างสรรค์บ้าง เอาเรื่องที่คนอ่านแล้วได้ภูมิปัญญา ถ้าเก่งจริงต้องทำเรื่องที่ดีแล้วทำให้คนอยากอ่านด้วย แต่ทั้งนี้ตนก็มองว่าสื่อหนังสือพิมพ์ดีกว่าสมัยก่อนเยอะ

พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานงานกองทัพรักษ์ประชาชนในพื้นที่ชุมชนคลองเตย

ว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นนโยบายของ พล.อ.สนธิ ที่ต้องการให้กองทัพบกเกาะติดประชาชนและฝ่ายตรงข้าม โดยให้ศึกษาในพื้นที่ถึงความต้องการของคนในชุมชน ต่อข้อถามว่า พื้นที่เป็นของพรรคไทยรักไทย จึงลงมาดูเรื่องคลื่น ใต้น้ำใช่หรือไม่ พล.อ.มนตรี กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน โครงการนี้ลงหลายพื้นที่ และมีการประเมินผลทุกครั้ง และจะทำต่อไปจนถึงวันเลือกตั้ง เนื่องจาก คมช.มีหน้าที่ต้องดูแลความมั่นคงอยู่แล้ว


สั่งจับตานัดประชุมฝั่งลาว
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้มีกลุ่มการเมือง ในพื้นที่ จ.นครพนม เคลื่อนไหวนัดประชุมร่วมกันที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งมีการเกรงว่าจะมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ

เนื่องจากระยะนี้มีการเผาทำลายสถานที่ราชการอย่างเป็นระยะ ทั้งนี้เรื่องดังกล่าว พล.อ. สนธิ ได้รับรายงานแล้ว พร้อมกับสั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ตรวจสอบข้อเท็จจริงในพฤติกรรมการเคลื่อนไหวดังกล่าว ก่อนรวบรวมข้อมูลรายงานกลับเข้ามาให้ทราบต่อไป

ด้าน พล.ต.ศรชัย มนตริวัต อดีต ส.ส. กาญจนบุรี พรรคไทยรักไทย และนายทหารคนสนิทของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าว พล.อ.ชวลิต ถูกทาบทามเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทยว่า ตนเคยย้ำอยู่เสมอว่า พล.อ.ชวลิต ท่านไม่ทิ้งบ้านเมือง แต่คงไม่ใช่การกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย

เพียงแต่อยากสนับสนุนเด็ก ๆ เท่านั้น ส่วนการตัดสินใจขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ในอนาคต เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่ พล.อ. ชวลิตจะกลับมาร่วมทำงานการเมืองกับพรรคไทยรักไทยอีกครั้ง พล.ต.ศรชัย กล่าวว่า พล.อ. ชวลิต เคยเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยดูแลกันมาโดยตลอด จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อคนในพรรคว้าเหว่ ก็มาปรับทุกข์กับท่าน

รายงานข่าวจากอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยจากกลุ่มความหวังใหม่เดิมแจ้งว่า ที่ผ่านมาอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย นำโดยนายวีระ มุสิกพงศ์ นายเอกพร รักความสุขและนายสุธรรม แสงประทุม รักษาการกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย

เคยเข้าทาบทามให้ พล.อ.ชวลิต มารับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรคไทยรักไทย ภายหลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคไทยรักไทย

แต่ พล.อ.ชวลิตไม่ได้ตอบรับใด ๆ แต่มีสมาชิกบางส่วนไม่เห็นด้วยเพราะเกรงว่าพรรคไทยรักไทยจะยิ่งตกเป็นเป้าโจมตีของ คมช.ในการทาบทาม พล.อ.ชวลิต มานั่งประธานที่ปรึกษาพรรคฯ จะกลายเป็นว่าไปทำให้ พล.อ.ชวลิต เป็นฝ่ายตรงข้ามกับ คมช.

ที่พรรคพลังแผ่นดินไท นายลิขิต ธีรเวคิน หัวหน้าพรรคพลังแผ่นดินไท แถลงถึงมาตรการในการสกัดปัญหาค่าเงินบาทแข็งตัวมากเกินไปว่า เป็นมาตรการที่สุ่มเสี่ยงเกินไป น่าจะเป็นมาตรการสุดท้ายในการแก้ปัญหาระดับชาติเช่นนี้

โดยต้องรอบคอบไม่ให้เกิดผลเสียในความเชื่อถือของนโยบายเศรษฐกิจ และเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบในทางลบทางจิตวิทยามวลชน แม้จะเป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้เจตนา แต่ในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยโดยทั่วไปผู้บริหารต้องรับผิดชอบทางใดทางหนึ่ง ในอดีตยุคพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ แม้ไม่เกี่ยว กับการลดค่าเงินบาท แต่ต้องรับผิดชอบในฐานะนายกฯ เรื่องนี้เป็นมารยาททางการเมือง และความเป็นผู้ดีทางการเมือง

นายลิขิต ยังกล่าวถึงกรณี พล.อ.ชวลิต ประกาศพร้อมกลับเข้ามาเป็นผู้นำทางการเมืองอีกครั้งหนึ่งว่า ต้องยอมรับว่าสังคมขณะนี้มีความไม่แน่นอนทางการเมือง สังคมไทยหาผู้นำไม่ได้ ถ้าพรรคไทยรักไทยและพรรคประชาธิปัตย์มีอันต้องถูกยุบพรรค เราก็จะหาตัวผู้นำที่มีบารมีได้ไม่กี่คนหนึ่งในนั้นคงไม่พ้น พล.อ.ชวลิต และตนเชื่อว่าแม้ท่านไม่อยากยุ่ง แต่เพื่อให้เกิดการปูพื้นฐานทางการเมืองเชื่อว่าท่านจะทำให้การเมืองลงตัว

ส่วนความเป็นห่วงเรื่องการหวาดระแวงกันนั้น ถือเป็นเรื่องปกติ คมช.เปิดอิสระแบบนี้ จึงมีปัญหาบ้าง สิ่งที่ต้องทำคือเร่งสมานฉันท์และแก้รัฐธรรมนูญให้นำไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็ว

นายสฤต สันติเมทนีดล รองหัวหน้าพรรคพลังแผ่นดินไท กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญของพรรค ที่ยึดรัฐธรรม นูญปี 2540 เป็นต้นแบบว่า อยู่ระหว่างการจัดพิมพ์คาดว่าจะสามารถแจกจ่ายเป็นของขวัญปีใหม่ 2550

เบื้องต้นจะแจกให้กับ นายกฯ ประธาน คมช. ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ และสื่อมวลชน

รองหัวหน้าพรรค กล่าวด้วยว่า สำหรับประเด็นสำคัญในการแก้ไขที่สำคัญ เช่น นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้ง ส่วนครม.จะต้องมีอย่างน้อย 35 คน ไม่เกิน 45 คน เมื่อเป็นนายกฯหรือ รมต.ยังมีสถานภาพ ส.ส. แต่ไม่มีสิทธิลงคะแนนเสียง

นอกจากนี้ในปีหนึ่งให้มีการประชุม 2 สมัย และสามารถอภิปรายนายกฯ ได้ทั้ง 2 สมัย โดยการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ใช้คะแนน เสียง 1 ใน 5 ของ ส.ส.ทั้งหมด สำหรับการเปิดสภาในนัดแรกจะต้องมี ส.ส. 9 ใน 10 ของ ส.ส.ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขเพิ่มเติมให้แก้ไขรัฐธรรมนูญให้แก้ไขเพิ่มเติมว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 100,000 คน มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานรัฐสภา เพื่อให้พิจารณาแก้ ไขรัฐธรรมนูญได้

ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย บางลำพู เวลา 13.00 น. พล.อ.ธงชัย เกื้อสกุล กรรมการศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวในการเสวนาวิชา การเรื่อง "พระพุทธศาสนากับร่างรัฐธรรมนูญ"

จัดโดยคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ร่วมกับองค์กรเครือข่ายภาคประชา ชนพิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ตอนหนึ่งว่า อยากเรียกร้องให้ผู้ที่จะมาทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ บรรจุมาตราที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาลงไปด้วย อยากให้เขียนให้ชัดเจน 2 ประเด็น คือ 1.กำหนดให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ 2.อยากเห็นมาตราที่ระบุว่าพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่สุดในประเทศทรงเป็นพุทธ

มามกะหรือหมายถึงเป็นชาวพุทธ พร้อมอยากให้มีการคุ้มครองพระพุทธศาสนาระบุไว้ด้วย เพื่อให้นิติรัฐสามารถดูแลได้

พล.อ.ธงชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้อยากเรียกร้องไปยัง คมช.ว่าน่าที่จะให้ตัวแทนองค์กรชาวพุทธสัก 2-3 คนได้เข้าไปร่วมเป็นคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญด้วย เพราะจะเห็นได้ว่าในบรรดาสมาชิกสมัชชาแห่งชาติที่ได้รับคัดเลือก 200 คนนั้น ไม่มีองค์กรชาวพุทธแท้ ๆ เข้าไปร่วมอยู่เลย แม้กระทั่งในจำนวนสมาชิก สนช. 242 คน ก็มีตัวแทนนักวิชาการชาวพุทธเข้าไปเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น

นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้บรรยายในโครงการอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรกฎหมายมหาชน รุ่นที่23 ในหัวข้อ "บทบาทของ กกต.กับการจัดการเลือกตั้ง"

ว่า ตนเห็นว่าในร่างกฎหมายรัฐธรรม นูญฉบับใหม่ควรที่จะให้มี กกต.ทำหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้งต่อไป หากไม่มี กกต.จะเกิดเรื่องยุ่งยากมากมายแน่นอน ส่วนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

จะเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศไทยที่ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดแก่สังคมโลก ทั้งความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยและเศรษฐ กิจ สำหรับ กกต.ก็จะเป็นกลไกหนึ่งที่สำคัญในการจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ตนเห็นว่าในการเลือกตั้งปีหน้าจะเป็นการชี้ชะตาประเทศไทย กกต. อยู่ระหว่างเตรียมการดำเนินการทั้งประชา มติ และการจัดการเลือกตั้ง พร้อมทั้งกำลังปรับปรุง กกต.จังหวัด ให้มีความน่าเชื่อถือ และมีความเป็นกลาง และจากที่ตนเข้ามาทำงานก็ทราบว่า ในการเลือกตั้งก็มีการใช้เงินซื้อเสียงเข้ามาเป็นจำนวนมากทีเดียว

เห็นว่าวิธีที่จะเป็นการป้องกันการซื้อสิทธิขายเสียงได้ประการแรกเราควรที่จะมีบทลงโทษให้รุนแรง เหมือนประเทศเกาหลีใต้ ที่หากพบว่า ผู้สมัคร หรือหัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริหารพรรค มีหลักฐานได้ว่า ได้มีการซื้อสิทธิขายเสียงจริงก็มีโทษถึงขั้นยุบพรรค และก็อาจ ส่งคนของ กกต.เข้าไปล่อรับเงินเลยก็ได้ไม่ต้องเดือดร้อนชาวบ้านที่อาจกลัวไม่กล้าเป็นพยาน

วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ได้เปิดเผยผลสำรวจ "ทัศนะของประชาชนที่มีต่อบทบาทของ คมช." ในวาระครบรอบการทำงาน 3 เดือน สำรวจข้อมูลระหว่างวันที่ 13-20 ธ.ค. 2549

มีผู้ให้ข้อมูล 1,508 ราย พบว่า การรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลทักษิณ ร้อยละ 51.92 พอใจ ร้อยละ 27.45 ไม่พอใจ ร้อยละ 20.62 ไม่ออกความเห็น ความไม่พอใจในการบริหารงานของรัฐบาลทักษิณ พบว่าร้อยละ 42.93 พอใจ ร้อยละ 40.81 ไม่พอใจ ไม่ออกความเห็น 16.26 ความเชื่อเรื่องรัฐบาลทักษิณทุจริต ร้อยละ 77.19 เชื่อ ร้อยละ 4.51 ไม่เชื่อ และร้อยละ 18.30 ไม่มีความเห็น

นอกจากนี้ พบว่าร้อยละ 37.20 ไม่ยอมรับการล้มรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ร้อยละ 30.84 รับได้ ไม่ออกความเห็นร้อยละ 30.84 ทั้งนี้ ร้อยละ 26.33 เชื่อว่าการร่างรัฐธรรมนูญไม่เอื้อประโยชน์ให้ คมช. มีเพียงร้อยละ 25.99 เห็นว่าอาจเอื้อประโยชน์ ผู้ให้ข้อมูล ร้อยละ 34.88 ยังเชื่อว่าจะมีการสืบทอดอำนาจ คมช. และร้อยละ 18.90 ไม่เชื่อว่าจะมีการสืบทอด และร้อยละ 46.22 ไม่ออกความเห็น ส่วนกรณีที่ คมช. บางคน ไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 48.74 มองว่าไม่เหมาะสม ร้อยละ 22.41 เห็นว่าเหมาะสม และไม่ออกความเห็น 28.85

ต่อการบริหารงานของรัฐบาล พล.อ.สุร ยุทธ์ จุลานนท์ ร้อยละ 28.91 เชื่อว่าไม่น่าจะมีการทุจริต ร้อยละ 27.25 คิดว่าอาจจะมีการทุจริต ร้อยละ 43.53 ไม่ออกความเห็น ส่วนเรื่องการแก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ ผู้ให้ข้อมูลร้อยละ 53.38 ระบุว่ารัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาได้ มีเพียงร้อยละ 16.84 เชื่อว่าจะแก้ปัญหาได้
และไม่ออกความเห็น ร้อยละ 29.77 ในส่วนของการชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ร้อยละ 26.39 เชื่อว่า จะไม่สามารถขับไล่รัฐบาลชุดนี้ได้ ร้อยละ 26.19 เชื่อว่าจะชุมนุมขับไล่รัฐบาลได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ให้ข้อมูลร้อยละ 42.31 พอใจกับการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ ร้อยละ 25.33 ไม่พอใจ และร้อยละ 36.36 ไม่ออกความเห็น

ทั้งนี้ กลุ่มผู้จัดทำได้มีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลและ คมช. 3 ข้อ คือ 1.ให้รีบเร่งแก้ปัญหา ทุจริต ของรัฐบาลทักษิณให้เป็นรูปธรรม 2.การเขียนรัฐธรรมนูญจะดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ และจะมีการสืบทอดอำนาจหรือไม่ 3.ใช้ความกล้าหาญในการแก้ปัญหาหลักของประเทศ และสร้างระบบธรรมาภิบาลที่ถูกต้องชอบธรรมให้เกิดขึ้นโดยเร็วใน 1 ปี มากกว่าจะไปสนใจปัญหารอง อื่น ๆ นอกจากนี้ จากข้อมูลข้างต้น "รังสิตโพล" ยังระบุว่า "ผู้คนให้การยกย่อง คมช. ว่า มาอย่างวีรบุรุษ เพื่อกอบกู้ชาติและผลในภายภาคหน้า จะเป็นการตัดสินว่า จะไปอย่างทรราชหรือไม่"

ที่ จ.เพชรบุรี เมื่อ 18.30 น. พล.อ.สุร ยุทธ์ จุลานนท์ นายกฯ ในฐานะนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ได้เป็นประธานในพิธีรับมอบและเปิดสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง สาขามหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี (ป้อมตำรวจหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏฯ)

จากนั้น เป็นประธานในพิธีรับมอบเครื่องคอมพิวเตอร์ 80 เครื่อง และ เครื่องพิมพ์ 2 ชุดจาก บมจ.ปตท. ก่อนที่จะร่วมงานชุมนุมศิษย์เก่าดีเด่น ทอดผ้าป่าการศึกษา จากฝึกหัดครู สู่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ทั้งนี้ ระหว่างร่วมงาน อธิการบดีจากมหาวิทยาลัยชนชาติกวางสี ได้มอบ "จง กั๋ว เจี๋ย" เป็นเชือกมงคล สีแดง และมีความเชื่อว่าเป็นเครื่องรางแห่งความโชคดีให้กับนายกฯ ด้วย.

ข้อมูลที่มีคุณภาพ
จาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์