เมื่อวันที่ 27 ก.ค. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า
พรรคเพื่อไทยได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนกรณีที่รัฐบาลรักษาการเตรียมทิ้งทวนหลายโครงการ โดยเฉพาะในกระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้เปิดให้มีการประกวดราคาจ้างออกแบบติดตั้งขยายโครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสงไปยังโรงเรียนต่าง ๆจำนวน 7,600 แห่งทั่วประเทศ ภายใต้โครงการการศึกษาแห่งชาติปี 2555-2556 ด้วยงบประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยประมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะเปิดให้มีการเสนอราคาในวันที่ 2 ส.ค.นี้ และให้มีการจัดซื้อจัดจ้าง ในวันที่ 3 ส.ค. ทั้งที่มีการคาดการณ์กันว่าจะมีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรไม่เกินวันที่ 2 ส.ค. ซึ่งเรื่องดังกล่าวสร้างความไม่สบายใจให้กับข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการดำเนินการในช่วงท้ายของรัฐบาลรักษาการ และยังมีความไม่ชอบมาพากลเพราะเมื่อได้ไปตรวจสอบรายละเอียดโครงการพบว่ามีการล็อกสเปกเคเบิลออพติกของโรงงานในประเทศทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นและมีการฮั้วกัน
“อยากให้นายอภิสิทธิ์ในฐานะเป็นผู้นำฝ่ายบริหาร ตรวจสอบว่าเรื่องดังกล่าวเป็นจริงตามที่ร้องเรียนหรือไม่ เพราะเงินงบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาทมีเงื่อนงำ โดยมีรายงานว่ามีนักการเมืองอักษรย่อ ช. อยู่เบื้องหลังการประมูลโครงการในครั้งนี้ ดังนั้นขอให้นายอภิสิทธิ์ตรวจสอบและชะลอโครงการ ให้รัฐบาลใหม่มาดำเนินการซึ่งจะมีความสง่างามมากกว่า” นายพร้อมพงศ์กล่าว
ด้านนายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ ส.ส.กรุงเทพฯพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีที่มีข่าวว่านางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์
เตรียมเสนอเรื่องขออนุมัติให้มีการระบายข้าวจำนวน 8.5 แสนตัน ว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่สมควร รัฐบาลรักษาการควรจะรอให้รัฐบาลใหม่เข้ามาดำเนินการ เพราะเราบอกไปแล้วว่าจะไม่นำข้าวมาเทกระจาดขายถูก ๆ แต่ถ้าขายตอนนี้ราคาจะแตกต่างจากปัจจุบันถึงกระสอบละ 1,000 บาท เมื่อคูณเข้าไปจะเป็นจำนวน 8 ล้านกระสอบ ถามว่าเป็นเงินเท่าไหร่ จึงขอบอกว่าไม่ควรไปดำเนินการ และขอบอกคนที่ไปวิ่งเต้นจ่ายเงินใต้โต๊ะ เมื่อพรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาลจะเลิกทั้งหมด และใช้วิธีประมูลในตลาดเกษตรล่วงหน้า ไม่ใช่ตกลงขายเพียงพ่อค้าไม่กี่ราย ส่วนข้าวกว่า 1 ล้านตัน ในสต๊อกจะบรรจุขายเป็นสินค้าธงฟ้า ดังนั้นรัฐบาลไม่จำเป็นต้องรีบดำเนินการ แม้แต่สมาคมผู้ค้าข้าวถุงก็บอกว่ารอได้ ไม่ควรมาอ้างว่าข้าวขาดแคลน เพราะจะทำให้รัฐบาลเกิดความเสียหายได้.