สัมภาษณ์พิเศษ โดย ศักดา เสมอภพ ,อาทิตย์ ลมูลปลั่ง
"...อยากจะให้คนจดจำว่าครั้งหนึ่งมีนักการเมืองที่ไม่เหมือนใคร ผมยอมรับว่าอยากได้เกียรติยศชื่อเสียง แต่ผมไม่คิดว่างานการเมืองคือการลงทุน ถ้าผมคิดเรื่องการลงทุน ผมไปเป็นรัฐบาลแล้ว"
ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับศึกเลือกตั้ง 2554 ถือเป็นการเลือกตั้งที่เต็มไปด้วยการต่อสู้อันเข้มข้น
ภาพของผู้ชนะย่อมเต็มไปด้วยสีสันสดใส ในขณะที่ผู้แพ้ย่อมทึมๆ เทาๆ เป็นธรรมดา
แต่สำหรับ "พรรครักประเทศไทย" ซึ่งมีชื่อ "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" เป็นหัวหน้าพรรคนั้น นอกจากจะเป็นเต็มไปด้วยสีสันสดใสแล้ว ยังเปี่ยมด้วยความหวังอีกต่างหาก เพราะ "เกินความคาดหมาย" เมื่อพรรคน้องใหม่ โดยมี "เฮียชู" ถือธงนำนั้น ได้รับการลงคะแนนให้จนมี ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตี้ลิสต์ถึง 4 คน
ณ เวลานี้ ใครๆ ก็ต้องอึ้ง-ทึ่ง-ตะลึงกับ "แผนการตลาด" ยุทธวิธี "การหาเสียง" และสร้างความจดจำในชื่อพรรคและหมายเลข เริ่มตั้งแต่แผนการ "ปล่อยของ" ซึ่งเป็นแผ่นป้ายหาเสียงที่ล้วนเจ็บๆ คันๆ เรียกรอยยิ้มกับผู้พบเห็น ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปคู่กับสุนัขประจำบ้าน ที่หน้าตาบ๊องแบ๊วใสซื่อ สวนทางกับหน้าตาขึงขัง ถมึงทึง เอาจริงเอาจังของ "เฮียชู" ที่ประกาศจุดยืนชัดเจนว่า "อาสาเป็นฝ่ายค้านในสภา"
ความชัดเจนนำไปสู่จุดเด่นและขาย ของพรรครักประเทศไทย ...และนั่นกลายเป็นที่มาของความสำเร็จของพรรคขนาดเล็กที่มี "หัวหน้าพรรค" เป็นแม่เหล็กเพียงคนเดียว แต่สามารถดึงคะแนนเสียงให้พรรคอย่างล้นหลาม เกินความคาดหมาย ได้ ส.ส.มาประดับพรรคถึง 4 คน
"ชูวิทย์" ก้าวเข้าสู่แวดวงการเมือง เมื่อปี 2547 ซึ่งในครั้งนั้น ได้สร้างความฮือฮา "ทุบอ่าง" ที่หน้าสภาหินอ่อน เพื่อเป็นการดำเนินการเชิงสัญลักษณ์ บอกกับสังคมว่าได้ล้างมือจากธุรกิจอาบอบนวดแล้วอย่างสิ้นเชิง ?!?
เมื่อครั้งตั้งพรรคต้นตระกูลกมลวิศิษฎ์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ กระทั่ง "ชูวิทย์" ได้ตัดสินใจสวมเสื้อพรรคชาติไทย เป็น "ลูกปลาไหล" ตัวใหม่ที่สร้างเสียงฮือฮาให้กับพรรคได้ไม่น้อย
และตรงจุดนี้เองที่ "ชูวิทย์" ได้เรียนรู้ "การทำงานการเมือง" จากมืออาชีพอย่าง "บรรหาร ศิลปอาชา" หัวหน้าพรรคชาติไทยในสมัยนั้น
ด้วยสไตล์การทำงานที่ดุดัน "กล้าพูด-กล้าชน-ไม่กลัวใคร" ทำให้ "ชูวิทย์" เริ่มเข้าไปนั่งในใจประชาชนทีละเล็กทีละน้อย
แต่ด้วยการทำงานแบบ "ขวานผ่าซาก" ทำให้ต้องผิดใจกันกับ "หัวหน้าเติ้ง" สุดท้าย "ชูวิทย์" ได้หันหลังให้กับพรรคชาติไทย และฉายแววรุ่งโรจน์อย่างสุดขีดในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งพรรครักประเทศไทยปวารณาตัวไว้ชัดเจนแล้วว่า "ขอรับใช้ประชาชนในฐานะฝ่ายค้าน"
จากนี้ไปเป็นคำยืนยัน ของ "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ว่าจะทำหน้าที่ "ฝ่ายค้าน" ให้ดีที่สุด..
เตรียมแผนงานหรือวาระในการทำหน้าที่ฝ่ายค้านไว้อย่างไรบ้าง
นอกจากผมจะตรวจสอบนักการเมืองแล้ว ผมจะวิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองที่ทำตัวไม่ถูกต้อง โดยไม่เกรงกลัวอะไร แล้วจะทำอะไรผมล่ะ เพราะผมไม่คิดจะรุ่งอยู่แล้ว ผมบอกเลยว่าหากจะอยู่ข้างบนพรรคพวกต้องไม่มี ผมไม่มีพวก ผมไม่ต้องสนใจ ถ้าผมมีพวก ผมก็ต้องเกรงใจพวก คนในสภาต้องมีพวก ถ้าไม่มีพวกก็เป็นเหมือนหัวเดียวกระเทียมลีบ แต่จะเอากับผมไหมล่ะ ผมเข้าไปเมื่อไหร่ ยืนยันว่ามันส์แน่ บอกไว้ก่อนได้เลยว่าคุณอย่ามาขอผมเพราะผมไม่ให้ สำหรับผม ไม่เป็นไรขอผมเป็น ส.ส.พอแล้ว สำหรับคณะกรรมาธิการประจำสภาผู้แทนราษฎร (กมธ.) ผมไม่แย่ง และไม่เอาเลยก็ได้ เรื่องนี้ผมไม่สนใจ ผมยังทำงานของผมได้
ตั้งแต่เริ่มแรกที่หาเสียงกระทั่งวันนี้ ก็ยังประกาศตัวชัดเจนว่าจะเป็นฝ่ายค้านเท่านั้น
ผมจะตั้งศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ โดยในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ จะขึ้นป้าย "แนวร่วมชูวิทย์" เพื่อเป็นช่องทางให้แจ้งเรื่องราวร้องทุกข์ แจ้งเหตุน่าสงสัยต่างๆ ที่ต้องการให้ผมเข้าไปตรวจสอบผ่านช่องทางต่างๆ นั่นจะเป็นส่วนหนึ่ง ส่วนกิจการงานในสภาผู้แทน ผมมองว่าเป็นแค่เกมการเมือง อยู่พรรคไหนก็ต้องเอาใจพรรคนั้น อยากเติบโตในพรรคก็ต้องออกมาชน ออกมาปะทะ ผมจึงมองว่าเป็นแค่งานหน้ากาก แต่งานจริงๆ ของผู้แทนคือ เราต้องลงพื้นที่ ซึ่งผมจะทำ อย่าลืมว่าทุกภาคมีคะแนนให้ผม ฉะนั้นผมมีสิทธิที่จะเข้าไปคุย เข้าไปสืบค้นหาข้อมูล เมื่อประชาชนส่งข้อมูลให้ผม ผมจะนำไปเสนอต่อสื่อมวลชน สำหรับงาน ส.ส.นั้น ถ้ามุ่งเฉพาะพูดในสภาอย่างเดียว ผมคิดว่าสู้เขาไม่ได้หรอก ก็ผมมี ส.ส.อยู่แค่ 4 คน จะไปสู้รัฐบาลที่มี ส.ส. 300 คน ได้ยังไงละครับ
แล้วจะทำงานร่วมกับพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ อย่างไร
พรรคร่วมฝ่ายค้าน อย่างพรรคประชาธิปัตย์ ผมได้เดินทางไปพบมาแล้ว แม้พวกเขาออกจะงงๆ อยู่ก็ตาม แต่คิดว่าตอนนี้คงตั้งตัวติดแล้ว ในการทำงานของฝ่ายค้านนั้น เราทำงานร่วมกันได้ ซึ่งผมคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องพึ่งผมด้วยซ้ำ ในการออกมาพูด เพราะประชาชนคนเสื้อแดงมีมาก แม้เสื้อแดงจะเลือกพรรคเพื่อไทย แต่ถ้าหากว่าในอนาคตพรรคเพื่อไทยทำอะไรผิด หรือทำอะไรไม่ดี เชื่อว่าคนเสื้อแดงก็ต้องคิดแน่นอน ก็มีบ้างที่เขาจะไม่เชื่อ แล้วถามว่าใครล่ะที่จะออกมาพูด ออกมาย้ำตรงจุดนั้น ถ้าไม่ใช่ผม จะให้พรรคประชาธิปัตย์ไปพูดเหรอ คนเสื้อแดงไม่เชื่ออยู่แล้ว แล้วจะให้ทำยังไง วันนี้เป็นระบบ 2 ขั้ว คนเสื้อแดงเขาไม่เปลี่ยนจากซ้ายมาเป็นขวาหรอก มันสุดโต่ง แต่สำหรับผมที่อยู่ตรงกลาง ผมวิพากษ์วิจารณ์พรรคเพื่อไทยได้ เพราะผมไม่เห็นพรรคเพื่อไทยเป็นศัตรู ขณะเดียวกันผมไม่ได้เป็นศัตรูของพรรคประชาธิปัตย์เช่นเดียวกัน ส่วนพรรคภูมิใจไทย ผมรู้ว่าเขาไม่ได้อยากเป็นฝ่ายค้าน เขาอยากเป็นรัฐบาล เชื่อผมไหมว่า การประชุมสภาในวันที่จะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ส.ส.พรรคภูมิใจไทยจะสนับสนุนคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี พวกเขาก็จะบอกว่าเห็นด้วยอย่างยิ่ง จะมีพวกสอพลอพูดอย่างนี้ นั่นแสดงว่าพรรคภูมิใจไทยไม่ได้เป็นฝ่ายค้าน แต่เป็นเพียงว่าภูมิใจไทยตัวอยู่กับฝ่ายค้านแต่ใจอยู่กับรัฐบาล แล้วจะให้ผมทำงานกับภูมิใจไทยอย่างไรล่ะ ในเมื่อพรรคภูมิใจไทยไม่มีใจแนวแน่เป็นฝ่ายค้าน ส่วน ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ส.ส.พรรครักษ์สันติ ผมก็คงไม่ทำงานร่วมแน่นอนเพราะท่านแปลกๆ อยู่เหมือนกัน เพราะหาเสียงอยู่ดีๆ คิดอะไรไม่ออก ไม่สามารถชูภาพคนดีได้ ก็หันมาด่าผมซะงั้น
Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday