นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (พีเน็ต) แถลงเมื่อวันที่ 18 กกรฎาคม ถึงการทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า พีเน็ตขอให้กำลังใจ กกต. ด้วยการให้ดอกไม้ในการปฏิบัติหน้าที่บนพื้นฐานของความถูกต้อง ตรงไปตรงมา โดยไม่สนใจว่า ผู้ที่ยังไม่ได้ประกาศรับรองจะเป็นใคร แม้ว่าหากภายใน 30 วัน กกต.ยังไม่สามารถรับรอง ส.ส.ได้ครบจำนวนเปิดประชุมสภา เพราะยังต้องพิจารณาหลักฐานต่างๆ กกต.อาจถูกสังคมมองว่า ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ แต่ก็ขอให้ทำหน้าที่เหมือนที่ กกต. ชุดแรกเคยทำ คือใครมีปัญหาก็ให้ใบเหลืองใบแดงให้เลือกตั้งซ้ำอยู่อย่างนั้น ดีกว่าปล่อยคนผิดเข้าสภา ซึ่งความเห็นที่ว่า ให้ปล่อยไปก่อนแล้วสอยทีหลังนั้น ถือว่า เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง และจะแสดงว่า กกต.ขาดประสิทธิภาพในการทำงาน เพราะผู้ที่ทุจริตจะไปลงคะแนนเสียงจัดตั้งรัฐบาล ถ้าเป็นเช่นนี้ ในอนาคต ใครต้องการเป็นรัฐบาล ก็ทุจริตเลือกตั้งจนได้ ส.ส.เต็มสภาไปก่อน และการให้ใบแดงหลังการรับรอง ก็ทำได้ยาก
กรรมการพีเน็ต กล่าวต่อว่า สิ่งที่ต้องให้ก้อนอิฐกับ กกต.คือ การทำงานที่มีปัญหามาตลอด ทั้งการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าที่มีปัญหา ทำให้คนเสียสิทธิ์ไปประมาณสองล้านคน และยังมีข้อมูลอื่นๆ ที่ขัดแย้งกัน อาทิ จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไม่คงที่ในการประกาศแต่ละครั้ง นับตั้งแต่ 19 พ.ค.ถึง 11 ก.ค. มีจำนวนไม่เท่ากัน แตกต่างกันมากที่สุดถึง 399,498 คน และการประกาศผลจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งสองระบบคือแบบเขตและบัญชีรายชื่อไม่เท่ากัน ผู้มาใช้สิทธิ์สองระบบต่างกันถึง 83,222 คน โดย กกต.ได้แจ้งว่า มาจากการรวมเลขของจังหวัดหนึ่งผิดไป 9 หมื่นคะแนน ซึ่งจังหวัดนั้นมีผู้มาใช้สิทธิ์จริง 101,681 คน เมื่อพีเน็ตได้ตรวจสอบแล้ว กลับไม่พบว่า มีจังหวัดใดมีผู้มาใช้สิทธิ์จำนวนดังกล่าว ซึ่ง กกต.ควรเร่งชี้แจงให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริงในประเด็นว่า จังหวัดไหนมีการรวมคะแนนผิดพลาด ชี้แจงเหตุผลที่ตัวเลขแต่ละครั้งไม่เท่ากัน ให้มีคนกลางเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง