ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาการคัดเลือกเลขาธิการพรรคคนใหม่ ที่นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล เสนอคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ซึ่งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อใน สัดส่วนของ กทม. ขึ้นเป็นเลขาธิการพรรค ที่เริ่มมีสมาชิกพรรควิจารณ์ว่า อาจกระทบต่อฐานเสียงของพรรคในภาคใต้ เนื่องจากหัวหน้าและเลขาธิการพรรคเป็นคนภาคเดียวกันว่า ไม่มีข้อบังคับพรรคข้อไหนระบุว่าจะใช้ระบบโควตาภาคเลือกเลขาธิการพรรค โดยข้อบังคับพรรคกำหนดเพียงให้หัวหน้าพรรคเสนอชื่อที่เหมาะสมเป็นเลขาธิการพรรคมา 3 ชื่อ และให้ที่ประชุมใหญ่เลือกเหลือ 1 ชื่อ จึงคิดว่าไม่น่าจะทำให้พรรคมีปัญหาและสมาชิกพรรคก็มีทุกภาค และพรรคก็เริ่มมาจากภาคอีสาน ต่อมาที่ได้สมาชิกภาคใต้เยอะก็ในสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นหัวหน้าพรรค ฉะนั้นวันนี้ถ้าพรรคตัดสินใจเลือกใครเป็นเลขาธิการพรรค ทุกคนก็ยอมรับได้
ด้านนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เชื่อว่าปัญหาการคัดเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะไม่ทำให้เกิดความแตกแยกในพรรค เพราะคนในพรรคประชาธิปัตย์มีจิตสำนึกของการทำเพื่อประชาชน ไม่ได้ต้องการสนองความต้องการของตัวบุคคล แต่ในสภาวะเช่นนี้คนที่จะมาเป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่จะต้องเหนื่อย เนื่องจากอยู่ในช่วงที่พรรคเป็นฝ่ายค้าน หากต้องการจะชนะการเลือกตั้งจะต้องปรับปรุงพื้นที่ในภาคอีสานและภาคกลาง และเหนือบางส่วน จึงต้องทำความเข้าใจสร้างพลังในพรรค สร้างมวลชนข้างนอกทุกหย่อมหญ้า เพื่อต่อสู้กับพรรคเพื่อไทย การที่คิดว่าพรรคมีแต่คนดี แต่ไม่สร้างมวลชนก็คงไม่ได้ ที่สำคัญงานต่อไปในฐานะของฝ่ายค้านจะต้องตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของราชการซึ่งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย จะทำได้อย่างเดียวคือการทุจริตถ้าพรรคเพื่อไทยไม่โกง ก็ไม่สามารถเอาเขาลงได้