ปชป.มึนหาแม่บ้านใหม่ หลังสุเทพย้ำไม่เอา ชูอภิรักษ์มาแรงสุด

รายงานงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม แจ้งความคืบหน้าในการคัดเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่
 
หลังจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้า ปชป.ลาออกจากตำแหน่ง ทำให้คณะกรรมการบริหารพรรคชุดเดิมสิ้นสภาพไปทันทีว่า คาดว่าระหว่างงานเลี้ยงสังสรรค์ต้อนรับ ส.ส.ปชป.ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ในวันที่ 13 กรกฎาคม ทางแกนนำ ปชป.จะถือโอกาสหารือถึงเรื่องดังกล่าวกันคร่าวๆ แต่เบื้องต้นน่าจะได้ข้อสรุปตรงกันว่า จะเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ให้ได้รับเลือกเป็นหัวหน้า ปชป.เพียงชื่อเดียว ในการประชุมใหญ่วิสามัญที่จะมีขึ้นปลายสิงหาคมนี้

สำหรับตำแหน่งเลขาธิการ ปชป.คนใหม่นั้น แม้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะยืนยันเจตนารมณ์ว่าจะไม่กลับมารับตำแหน่งดังกล่าว
 
แต่ ส.ส.บางส่วนยังหวังให้นายสุเทพเปลี่ยนใจ เพราะถึงเวลานี้บุคคลในพรรคยังไม่มีใครที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเท่านายสุเทพ ที่สำคัญในปี 2555 สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ก็ถูกปลดล็อก ทำให้งานของ ปชป.ยากยิ่งขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม หากนายสุเทพปฏิเสธไม่รับตำแหน่ง ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเสนอชื่อบุคคลใกล้ชิด อาทิ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ นายวิทยา แก้วภราดัย นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ หรือนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ขึ้นมาแทน

ทั้งนี้ บุคคลที่มีแต้มต่อมากที่สุด น่าจะได้แก่นายอภิรักษ์ เพราะเคยผ่านงานบริหารบริษัทขนาดใหญ่มาแล้ว

ที่สำคัญเคยเป็นผู้ว่าราชการ กทม.และได้รับการยอมรับจากคน กทม. นอกจากนี้ ยังเป็นรุ่นน้องของนายสุเทพที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยสมาชิก ปชป.จำนวนไม่น้อยมีท่าทีสนับสนุนนายอภิรักษ์ แต่นายอภิรักษ์ยังติดปัญหาสำคัญอยู่ 1 เรื่อง ได้แก่ คดีรถดับเพลิง ที่อยู่ระหว่างรอส่งฟ้องศาล อย่างไรก็ตาม แม้นายสุเทพจะไม่รับตำแหน่งเลขาธิการพรรคอีก แต่ก็ยังจะช่วยงานอยู่เบื้องหลัง เนื่องจากมีความสามารถในการหาทุน มีบารมี ที่สำคัญ มีคอนเนกชั่น

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า นอกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ตำแหน่งสำคัญก็อาจมีการเปลี่ยนแปลง
 
เช่น รองหัวหน้าพรรคดูแลพื้นที่ภาคอีสาน ที่อาจเปลี่ยนจากนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ที่มีปัญหาสุขภาพ กลับไปเป็นนายวิฑูรย์ นามบุตร รองหัวหน้าพรรคดูแลพื้นที่ภาคกลาง ที่มีแคนดิเดตที่จะมาเบียดแย่งกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หลายคน รวมถึงตำแหน่งโฆษกพรรค ที่มีสมาชิก ปชป.บางส่วนเตรียมผลักดันให้นายจุติ ไกรฤกษ์ หรือนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ มาเป็นแทน นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ เพราะเห็นว่ามีความเหมาะสม ในช่วงที่เป็นฝ่ายค้านมากกว่า