“เสี่ยชู” เปิดตัว3ส.ส.-ให้เวลารัฐบาล6เดือน

ลั่นกลองรบเป็นฝ่ายค้าน กร้าวขอจับตาดูรัฐบาลใหม่หากมีผลประโยชน์เล่นพวกเจอกันแน่

วันนี้ (7 ก.ค.) ที่สวนชูวิทย์ ซอยสุขุมวิท 10 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย แถลงข่าวเปิดตัว ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคอีก 3 คน ประกอบด้วย นายชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 2 นายโปรดปราน โต๊ะราหนี ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 3 และนายพงษ์ศักดิ์ เรือนเงิน ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 4 

โดยนายชูวิทย์ กล่าวว่า วันนี้ขออนุญาตเปิดตัวว่าที่ ส.ส.ของพรรค ลำดับที่ 2 ,3 และ 4
 
คือนายชัยวัฒน์ นายโปรดปราน และนายพงษ์ศักดิ์ ซึ่งตนขอเรียนให้ทราบว่า มีหลายคนมาดูถูกพรรคตนทั้งที่เคยเตือนแล้วว่าอย่าดูถูก บางคนมาบอกว่าชูวิทย์เป็นสีสัน แต่หลังจากวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ก็รู้แล้วว่า ใครเป็นสีสันกันแน่ คะแนนเสียงของพรรคตนที่ได้นั้นเหลืออีก 1,000 กว่าคะแนนก็จะถึง 1 ล้านคะแนน ทุกจังหวัดพรรคตนได้คะแนนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเชียงราย สุราษฎร์ธานี สงขลา อุบลราชธานี อุดรธานี บรรดาว่าที่ ส.ส.ของของตนนั้นไม่ว่าจะเป็นนายชัยวัฒน์ ซึ่งจบปริญญาโทที่นิด้า อยู่ในแวดวงการเมืองมานาน นายโปรดปราน จบปริญญาโทที่ม.รามคำแหง เป็นลูกอดีตประธานอิสลาม จ.พัทลุง ส่วนนายพงษ์ศักดิ์นั้นก็จบปริญญาวิศวกรรมศาสตร์ ทำหน้าที่รับผิดชอบเรื่องของวิศวกรรมไฟฟ้า มีความรู้ ความสามารถเกี่ยวกับเครื่องจักรเครื่องยนต์มาตลอด ตนขอถามว่า คนแบบนี้ใช่หรือไม่ที่ท่านดูถูก จะต้องไปเอาพวกชูไม้ชูมือแบบเมื่อวานซืนนี้หรือ ตนเห็นเขาจับมือชูมือกัน วันนี้ก็จะขอทำบ้าง

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ประเด็นถัดไปที่จะขอพูดก็คือภารกิจเร่งด่วนของการเป็นฝ่ายค้านก็คือ

ขณะนี้มีการวิ่งเต้นกันอย่างหนักเพื่อที่จะได้ตำแหน่งรัฐมนตรี ตนขอเตือนพรรคเพื่อไทยไว้ว่า อย่ากระทำการเหมือนพรรคไทยรักไทยในอดีต เช่น ทำผลประโยชน์ทับซ้อน เอานายทุนมาเป็นรัฐมนตรี เพราะช่วงหลังถึงขั้นเอาลูก เมีย หรือผัวมาเป็นตัวแทนเข้าไปเป็นรัฐมนตรี ถ้าครั้งนี้ยังทำ ตนจะออกไปโจมตีโดยทันที เหตุผลก็เพราะ ถ้าเป็นลูกเมีย หรือผัว ก็ไปดูแลบริษัทพวกคุณหรือครอบครัวคุณเอง อย่ามาบริหารประเทศชาติ เพราะประเทศเป็นของคนไทยทุกคน รัฐมนตรีแต่ละคนต้องมีความสามารถเฉพาะทาง บริษัทเล็ก ๆ แต่ละบริษัทจะรับพนักงานยังต้องดูคุณสมบัติ การศึกษาประสบการณ์ของพวกเขา แล้วตำแหน่งรัฐมนตรี คุณยิ่งลักษณ์จะไม่ดูเลยหรือ บางคนเป็นแอร์โฮสเตส ยังเข้ามาเป็นรัฐมนตรีเลย มันไม่เกี่ยวกัน ถ้าจัดวางตำแหน่งไม่เหมาะสม ตนก็จำเป็นต้องทำงาน เพราะตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์นั้นเงียบหงอย ชูวิทย์จะขอรับผิดชอบแทน 


เรื่องที่สองคือ ตนจะให้เวลารัฐบาลชุดใหม่ในการทดลองทำงานตามกระทรวงต่างๆเป็นเวลา 180 วัน หรือ 6 เดือน ถ้าพวกคุณทำงานไม่ดีก็ค่อยมาว่ากัน ภายใน 6 เดือนนี้ ตนจะจับจ้องตลอด

ส่วนเรื่องที่สามคือ พรรคที่ชอบต่อเนื่อง งานจะได้สานต่อ พวกนี้ตนให้เวลาแค่เดือนเดียว ตัวอย่างพรรคที่ชอบกระทรวงเกษตรฯ คราวนี้ก็จะเอากระทรวงนี้อีก ตนให้แค่ 30 วัน เพราะงานต่อเนื่องอยู่แล้ว ดังนั้นภายใน 30 วันนี้ ข้าวต้องราคาดี อย่าถูกพวกโรงสี พวกส่งออกกดราคาข้าว ชาวนาขายได้แค่ 7,000 บาท รัฐบาลบอกจำนำก็ต้องจำนำ รัฐบาลบอกจบปริญญาตรีเงินเดือนเริ่มต้น 15,000 บาท ก็ต้องเท่านี้ บอกจะแจกแท็บเล็ตก็ต้องแจก หรือค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทก็ต้องทำภายใน 6 เดือนนี้

“ถ้าคุณทำดีผมยกมือไหว้สนับสนุน คุณไม่ต้องห่วง เพราะผมเป็นฝ่ายค้านถาวร สมัยหน้าผมก็ไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้วมาต่อว่าพวกคุณ ผมยังยืนหยัดจะเป็นฝ่ายค้านให้ประชาชนเต็มสมัย ครั้งหน้าถ้าเกิดประชาธิปัตย์ไปเป็นรัฐบาล ผมก็วิพากษ์วิจารณ์ได้ ผมจำเป็นต้องทำอย่างนี้ เพราะเห็นว่าพรรคการเมืองบางพรรคไม่ได้มีสถานะเป็นพรรคการเมือง แต่มีความประสงค์จะไปลงทุนหาเงินกลับมาเลือกตั้งอีก ดังนั้นครั้งนี้ผมไม่ปล่อย เพราะผมเคยเตือนแล้วว่า อย่าปล่อยชูวิทย์หลุดเข้ามา วันนี้ผมหลุดเข้ามา 4 คน ผมเริ่มงานทันที คุณมีภารกิจรัฐบาล ผมมีภารกิจฝ่ายค้าน ต่างคนต่างทำ คุณทำดีผมส่งเสริม แต่ถ้าทำไม่ดี ผมเอาทันที” หัวหน้าพรรครักประเทศไทย กล่าว
 
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า ถ้ามีการแต่งตั้งรัฐมนตรีที่ไม่มีคุณสมบัติ ตนจะถามทันที่ว่า นี่ใคร เป็นลูกใคร
 
คนบางคนบอกจะเกษียณแล้วขอให้ลูกเป็นรัฐมนตรีแทน มันจะเป็นได้อย่างไร นี่รัฐมนตรีมาบริหารประเทศชาติ ไม่ใช่บริษัท ถ้าลูกคุณมีคุณสมบัติ มีความสามารถก็มาทำงาน แต่ตนจะถามว่า มีความสามารถอะไร จบอะไรมา เก่งอย่างไร มีเบื้องหลังอย่างไร จึงขอส่งสัญญาณเตือนไปก่อน เพราะตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังหาหัวไม่ได้แถมยังผิดหวังไม่ได้เป็นรัฐบาล ตนจึงต้องออกหน้ามาก่อน วันนี้มีพรรครักประเทศไทย และพวกตน 4 คนเท่านั้นที่จะทำงานเป็นฝ่ายค้านให้ประเทศชาติ ดังนั้นตนจะทำงานเต็มที่
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเด็นที่จะตรวจสอบเรื่องการแต่งตั้งรัฐมนตรีหมายถึง

กรณีที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ จะไม่รับตำแหน่งแล้วให้ลูกชายไปรับตำแหน่งแทน ใช่หรือไม่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง คุณมีความสามารถอะไร มีคุณสมบัติอะไรถึงจะส่งลูกขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี ถ้าตัว พล.ต.สนั่น เองตนไม่ว่า เพราะท่านมีความรู้ความสามารถ แต่ถ้าท่านจะเอาลูกขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี ท่านคิดอะไร ขอโทษที ที่นี่ประเทศไทย ไม่ใช่บริษัทจำกัด ไม่ใช่บริษัทประเทศไทย ถ้าเที่ยวนี้เรียงหน้ากันออกมา ตนก็จะเรียงหน้าพูด และจะฟ้องประชาชน เพราะถ้าคุณทำแบบนี้แสดงว่า คุณไม่ให้เกียรติประชาชน โดยเฉพาะคุณยิ่งลักษณ์ ในฐานะหัวหน้า ครม.ชุดนี้ จะมาอ้างว่าไม่ใช่พรรคตัวเองเป็นพรรคร่วมไม่ได้ เพราะถือว่าคุณเป็นคนชวนเขามาร่วมรัฐบาล

จากนั้นนายชูวิทย์ ได้พาผู้สื่อข่าวช่างภาพไปดูที่โต๊ะอาหารที่มีการจัดรายการอาหารเอาไว้หลายจาน

พร้อมทั้งเปรียบเทียบอาหารแต่ละชนิดเอาไว้เหมือนกระทรวงต่างๆที่จะมีการแย่งกันเป็นรัฐมนตรี เช่น ข้าวแซลม่อนผัดพริกไทยดำ เปรียบกับ กระทรวงมหาดไทยที่หลายคนอยากได้ สเต็ก หมายถึงกระทรวงคมนาคม ที่บางพรรคก็ยังอยากเข้าไปทำงานอยู่ ข้าวกระเพราไก่ไข่ดาว และไก่ย่าง หมายถึงกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องจัดการเรื่องไก่กับไข่แพง ข้าวปลาทูทอดกับผักเครื่องเคียง หมายถึง กระทรวงเกษตร ที่มีทั้งผักและปลา และบางพรรคก็ยังอยากทำงานอยู่  ไส้กรอกกับมันบด หมายถึงกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งภายใต้จานมีรูปสมเด็จฮุนเซนวางอยู่ สื่อถึงว่า สมเด็จฮุนเซน ต้องการคนเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศที่ดีๆไม่เหมือนกับนายกษิตย์ ภิรมย์ เป็ดย่าง หมายถึงกระทรวงกลาโหม น้ำแดง หมายถึง กลุ่มเสื้อแดงที่อยากเป็นรัฐมนตรีด้วย และน้ำมันใส่แก้ว หมายถึงกระทรวงพลังงาน ที่มีการทุจริตเรื่องน้ำมันปาล์ม และสุดท้ายคือจานใส่เศษเหรียญเอาไว้ ที่เปรียบเหมือนกระทรวงการคลัง โดยนายชูวิทย์ ให้เหตุผลว่า ที่ใส่เศษเหรียญเอาไว้เพราะ ตอนนี้เงินไม่ค่อยจะเหลือแล้ว.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์