"กษิต" ยัน "กต."ไม่ขัดแย้ง"ทส." เผยก่อนวอลค์เอาท์ "อภิสิทธิ์"เตรียมยกหูคุยกับ"ผอ.ยูเนสโก" ระบุแต่ที่ประชุมไม่รับฟัง จึงเป็นผลให้ไทยถอนตัวจากภาคีอนุสัญญาฯ
(29มิ.ย.) นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า การดำเนินนโยบายของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นไปในแนวทางเดียวกัน และมีการปรึกษาหารือกันมาตลอด แน่นอนว่าในการหารือมีความเห็นที่แตกต่างซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา แต่สุดท้ายก็ขึ้นกับมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพราะรัฐบาลนี้ไม่มีการดำเนินการโดยคนๆเดียวแต่เป็นการปรึกษาหารือกัน
นายกษิต กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่กรุงปารีส เป็นเพราะประธานในที่ประชุมปฏิเสธที่จะใช้เอกสารกลางที่ทางยูเนสโกหารือร่วมกับไทย-กัมพูชามาตลอด แต่ให้นำร่างเอกสารของไทยและกัมพูชามาว่ากันทีละวรรคซึ่งผิดไปจากความเข้าใจที่มีเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งผิดเจตนารมณ์และทำให้มีการเผชิญหน้ากันในที่ประชุม
นายกษิตกล่าวว่า ในเวลาเดียวกันนายกรัฐมนตรี มีกำหนดจะโทรศัพท์หารือกับผู้อำนวยการยูเนสโก เพื่อที่ต่อสายขอให้ที่ประชุมเลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน แต่ที่ประชุมไม่รับฟัง ทำให้ผู้แทนไทยวอลค์เอาท์และประกาศไม่ร่วมเป็นภาคีอนุสัญญา เพราะไม่รู้ว่าหากมีการพิจารณาแล้วผลจะออกมาเป็นอย่างไร จะกระทบอธิปไตยและการหารือของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม(เจบีซี)ซึ่งเป็นไปตามเอ็มโอยูปี 2543 หรือไม่
" การที่ผู้อำนวยการยูเนสโกมีหนังสือมาถึงนายกรัฐมนตรีแสดงให้เห็นว่ายังมีช่องทางที่จะพูดจากัน และไทยไม่ได้ปฏิเสธที่จะร่วมมือกับยูเนสโกต่อไป ส่วนจะถอนตัวจริงหรือไม่ก็ยังมีเวลาให้รัฐบาลใหม่มาพิจารณา " นายกษิตกล่าว
เมื่อถามว่าคิดว่าการประกาศลาออกเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า ไม่ เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2553 ส่วนที่จะส่งผลกับการพิจารณาคดีของศาลโลกหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ แต่คิดว่าในส่วนของศาลโลกไทยได้ให้ข้อมูลไปทั้งหมดแล้ว ศาลต้องดูจากสิ่งที่เราให้การและเอกสารชี้แจง คงไม่มาพิจารณาว่าเกิดอะไรขึ้นที่ยูเนสโกหรือคณะกรรมการมรดกโลก เพราะกรอบของใครก็ของมัน อย่างไรก็ดีจนถึงขณะนี้ศาลโลกยังไม่แจ้งนัดวันเพื่อฟังคำพิพากษาเรื่องที่กัมพูชาร้องขอให้ศาลออกมาตรการชั่วคราวแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นห่วงสถานการณ์ชายแดนหรือไม่
นายกษิต กล่าวว่า ต้องมั่นใจว่ารัฐบาลนี้ไม่เคยประสงค์ที่จะมีปัญหากับประเทศเพื่อนบ้าน และกองทัพไทยไม่เคยไปรุกรานใครแต่ปกป้องคุ้มครองดินแดนไทยและรักษาความปลอดภัยของพี่น้องตลอดชายแดน การตอบโต้การรุกล้ำของกัมพูชาก็ทำด้วยเหตุผลและความหนักเบาของการดำเนินการของกัมพูชา รัฐบาลนี้ไม่เคยมีเจตนาร้ายใดๆหรือจะไปกลั่นแกล้งกัมพูชาทั้งสิ้น
" เราต้องการสันติสุข สันติภาพ และความมั่งคั่ง เราไม่เคยไปสร้างปัญหา และไม่เคยเอาฝ่ายค้านกัมพูชามาเป็นที่ปรึกษารัฐบาล เราพยายามจะแก้ไขปัญหาในกรอบของกฎหมายระหว่างประเทศ ด้วยสันติวิธีผ่านการเจรจา และชี้แจงการทำงานทุกอย่างแบบโปร่งใส ทุกอย่างเราถูกกระทำทั้งนั้น เราเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่รัฐบาลนักเลงที่จะหาเรื่องและใช้ความรุนแรง"นายกษิตกล่าว