“ชวน”ปัดทหารจ้องปฏิวัติ ถ้า พท.ชนะ


หนุนพรรครวมเสียงข้างมากตั้งรัฐบาลได้ไม่ง้อเหล่าทัพ แนะ “ยิ่งลักษณ์” สั่งแดงหยุดป่วน

เมื่อเวลา 11.30 น.  วันที่ 29 มิ.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์  ให้สัมภาษณ์กรณีหลายฝ่ายประเมินว่าถ้าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งอาจจะมีการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้นว่า ปัญหานี้ไม่มีแล้ว ไม่มีเหตุผลจะมีก็แต่พูดปลุกระดมให้ทหารเสียหายและทำให้เกิดความไม่น่าเชื่อถือ แต่เพื่อส่งเสริมตัวเองขึ้นมาเท่านั้น  ใครจะได้ที่หนึ่ง หรือที่สอง ก็เป็นไปตามเสียงประชาชน การตั้งรัฐบาลเป็นไปตามกระบวนการ เพราะรัฐบาลระบบนี้ยึดเสียงข้างมาก ใครรวมเสียงข้างมากไม่ได้ก็เป็นรัฐบาลไม่ได้ ถือว่าเสียงข้างมากเป็นเรื่องสำคัญ

เมื่อถามว่าหากพรรคอันดับหนึ่งรวมเสียงไม่ได้ หากพรรคประชาธิปัตย์ได้อันดับสองแล้วรวมเสียงข้างมากตั้งรัฐบาลได้ จะทำให้เกิดปัญหาความวุ่นวายตามมาหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ใครได้เสียงข้างมากก็ตั้งรัฐบาล ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมา ส่วนที่พรรคเพื่อไทยปลุกว่าถ้าชนะแล้วจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ก็ให้คนสวมเสื้อแดงออกมาสร้างความวุ่นวาย นั้น   พรรคเพื่อไทยควรจะห้ามปลุกระดมและห้ามไม่ให้ออกมารบกวนฝ่ายอื่นเวลาหาเสียง  ขนาดน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย ไปนราธิวาส  ประชาชนรู้ว่าพี่ชายน.ส.ยิ่งลักษณ์ คือต้นเหตุของการนองเลือดในภาคใต้ ประชาชนในพื้นที่ก็ไม่ได้แสดงออกในลักษณะรุนแรง ตนขอชมชาวนราธิวาสและ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายโจรกระจอก จากพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ออกมายอมรับความผิดพลาดในการใช้กำปั้นเหล็กกับชาวมุสลิม แต่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนกลับไม่ตอบโต้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เป็นโคลนนิ่ง

พ.ต.ท.ทักษิณ ก็พูดมาก่อนแล้วว่าค่าใช้จ่ายของคนเสื้อแดงให้มาเบิกเอา เขาจะดูแลเอง และให้ส.ส.ไปดูแลเสื้อแดง ผมจำได้เพราะเขาพูดชัดเจน  ทุกคนก็ยอมรับว่าเขาก็เลี้ยงเสื้อแดงอยู่ จึงคิดว่าเขาห้ามเสื้อแดงได้ ตนตระเวนหาเสียงและนั่งนับจากจ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษและสุรินทร์ พบป้ายพรรคประชาธิปัตย์ถูกทำลายมากกว่าร้อยละ 90 แต่ในภาคใต้รวมทั้ง 3 จังหวัดชายแดน มีเพียงแผ่นเดียวที่ติดป้ายแล้วโดนขูดฉีกออกมา แต่รูปผู้สมัครอยู่ครบ” นายชวน กล่าว

เมื่อถามว่าการใช้หลักเสียงข้างมากตั้งรัฐบาลจะทำให้ฝ่ายอื่นที่มีอำนาจ มีบารมีและอาวุธเข้ามาแทรกแซงหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ารเลือกนายกฯ ต้องขานชื่อในสภา ใครจะมาจี้แบบสมัยก่อนที่จะจี้หัวหน้าพรรคให้ลงชื่อเดี๋ยวนี้ทำไม่ได้ ถ้านักการเมืองเป็นตัวของตัวเองจะไปบังคับไม่ได้ และก่อนจัดตั้งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์คงไม่ต้องหารือเหล่าทัพไร  ต้องไปถามพรรคอื่น แต่พรรคฯเราไม่ไปปรึกษา เพราะไม่มีเหตุผลที่ต้องไปถาม

เมื่อถามว่าในการตั้งรัฐบาลปี 51 ก็ต้องไปขอคำแนะนำจากทหาร นายชวน กล่าวสวนว่า นั่นสิ ปี 51 ทหารมาลงคะแนนด้วยหรือไม่ ตรงนี้ต้องดูเหตุผลความเป็นจริง ตนเข้าใจว่าผู้สื่อข่าวมีเจตนาตั้งคำถามเพื่ออะไร แต่ตนไม่เป็นเหยื่อไปด่าพรรคการเมือง เพราะจริง ๆ แล้วตนเห็นว่าในการเลือกตั้งปี 50 นายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯ ก็ไม่มีใครว่าอะไร ทั้ง ๆ ที่นายสมชาย เป็นโคลนนิ่งในตระกูลชินวัตร แต่พอนายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ ก็มีปัญหา ซึ่งตรงนี้ต้องให้ความเป็นธรรมว่ามันต่างกันอย่างไร

“เสียงสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ผมก็เคยคุยเรื่องนี้ เขาก็มาเล่าให้ฟังว่าทำไมจึงเปลี่ยนความคิดจากท่านทักษิณ เขาก็พูดตรง ๆ ว่า มันขาดสะบั้นกันวันที่พูดเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็พังวันนั้น ผมก็แปลกใจเพราะผมไม่ชอบนักการเมืองย้ายพรรค เปลี่ยนอุดมการณ์ ซึ่งเขาก็บอกว่าเขาไม่เคยคิด แต่วันหนึ่งมาพูดเรื่องหนึ่งมันก็ขาดสะบั้นในวันนั้น ถือว่าอุดมการณ์คนละทิศเลย เรื่องอื่นพอไปได้ แต่เรื่องนี้มันไปไม่ได้แนวก็เลยเปลี่ยน นี่คือข้อเท็จจริง” นายชวน กล่าว

เมื่อถามย้ำว่า อยากให้ขยายความที่ว่าความคิดไม่ตรงกันเรื่องหนึ่งจนทำให้ความสัมพันธ์ขาดสะบั้นคืออะไร นายชวน กล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มว่า “ผมว่าพวกเรารู้กันแต่เราดัดจริตทำเป็นไม่รู้ ทั้งที่รู้มากกว่าผมเพราะอยู่ใกล้ชิดมากกว่า ส่วนผมไม่รู้อะไรมาก นอกจากถ้าไม่ฟังด้วยหูตัวเองจะไม่กล้าพูด แต่เรื่องนี้ผมฟังด้วยหูตัวเอง ผมก็เข้าใจเพราะอยากรู้เหมือนกันว่าอยู่ดี ๆ ร่วมงานกันแล้วขาดสะบั้นลง ขาดสะบั้นตอนไหน แต่ขอไม่พูด เพราะไม่อยากเป็นเหยื่อในเหตุการณ์ เพียงแต่เล่าให้ฟังว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร”.

 


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์