ปณิธาน ยัน ถอนตัวมรดกโลกเพื่อปกป้องอธิปไตย ยังแทงกั๊กสามารถพิจารณาใหม่ได้ ปัดเพิ่มกำลังทหารตามแนวชายแดน
นายปณิธาน วัฒนายากร เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นางอิรินา โบโกวา ผู้อำนวยการใหญ่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ส่งจดหมายถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ภายหลังไทยถอนตัวจากคณะกรรมการมรดกโลกว่า ทาง นางอิรินา เป็นกังวลในเรื่องของผลที่จะตามมา และคิดว่าน่าจะหาทางออกร่วมกัน ซึ่งเขาก็ยืนยันว่าการทำงานของยูเนสโก นั้นจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำนุ บำรุงมรดกโลก ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของไทยที่เห็นว่าเรื่องการทำนุบำรุงมรดกโลกนั้นไม่ควรจะไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของปัญหาตามแนวชายแดน ซึ่งหากยูเนสโกสามารถหาแนวทางที่ดี สามารถสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นได้ในทุกฝ่าย เรายินดีรับฟัง ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี เราก็ยินดีรับฟังและกำลังมีการประสานงานกันอยู่ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าไทยมีแนวโน้มว่าจะทบทวนท่าทีเรื่องการถอนตัวหรือไม่ หากทางยูเนสโกมีการแก้ไขหรือพิจารณาใหม่ นายปณิธาน กล่าวว่า การถอนตัวมีขั้นตอนและต้องใช้เวลาพอสมควรในการส่งหนังสือยืนยันไป ซึ่งในที่ประชุมครม.วันนี้จะหาแนวทางที่เหมาะสมร่วมกันโดยจะดูทั้งเรื่องกฎหมาย ทางเลือกและผลที่จะตามมา ในส่วนของยูเนสโกคงต้องมีเวลาในการหารือร่วมกันด้วยเช่นกัน ซึ่งจุดประสงค์ของทั้งไทยและกัมพูชาเหมือนกันที่ต้องการดูแลมรดกโลกร่วมกัน เพียงแต่เรากังวลว่าการเดินหน้าของกัมพูชา ความพยายามที่จะหาจุดอ่อนหรือช่องว่างของกัมพูชา ไม่ใช่จุดประสงค์ของมรดกโลก จะทำอย่างไรที่จะไม่ให้กัมพูชาได้เปรียบ หรือหาช่องทางที่จะทำให้ตัวเองได้เปรียบในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับมรดกโลก เป็นเรื่องทางกฎหมายที่จะผูกพันเราภายหลัง
ผุู้สื่อข่าวถามว่า แผนการบริหารจัดการของกัมพูชาที่ยื่นไปแล้ว เป็นเงื่อนไขที่จะทบทวนหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า เรามีจุดยืนชัดเจนว่าการแสดงเอกสารใด ๆ ที่จะโน้มน้าวไปในทางที่จะทำให้เกิดปัญหาในทางกฎหมายตามมาเรื่องชายแดนนั้น ควรเลื่อนไปก่อน ซึ่งคณะกรรมการมรดกโลกก็เลื่อนไปหลายครั้งแล้ว ซึ่งในกรณีนี้เราเห็นแล้วว่าหากเราเข้าไปร่วม และคณะกรรมการอีกหลายชาติไม่ให้ความสำคัญเรื่องนี้มากนักก็อาจจะสุ่มเสี่ยงเกินไป และทำให้เราถูกผูกมัด และถูกตีความว่าแม้เราไม่เห็นด้วยและคัดค้าน หากเขามีแนวโน้มจะใช้เสียงส่วนใหญ่ในการดำเนินการก็จะลำบาก อย่างไรก็ตามมรดกโลกในอีกหลายพื้นที่ ที่เราได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว ในช่วงเวลาที่เรายังไม่ได้ดำเนินการทางกฎหมายให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ก็ยังทำงานร่วมกันได้ไม่มีปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้หรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ขณะนี้เราประกาศเจตนารมณ์ไปแล้ว แต่การดำเนินการทางกฎหมายต้องใช้เวลา เพราะมีขั้นตอนมาก ซึ่งในที่ประชุมคงหารือกันโดยเฉพาะจะมีการรับฟังจากผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย ส่วนการเป็นรัฐบาลรักษาการจะมาเซ็นหนังสือสำคัญเช่นนี้จะเหมาะสมหรือไม่นั้น ในที่ประชุมคงต้องรอฟังจากนายสุวิทย์ และคณะก่อนและถือเป็นสิ่งจำเป็นที่รัฐบาลต้องทำ ไม่สามารถละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้