สื่อเทศแฉฝันร้ายแม้ว-ฆ่าตัดตอน

คมชัดลึก :เอเอฟพี ทำรายงาน หัวข้อ 'การเลือกตั้งไทย ทำให้สงครามกวาดล้างยาเสพติดอันอื้อฉาว' ของ 'ทักษิณ' ถูกนำกลับมาพูดถึงอีกครั้งหนึ่ง

"สมพร สัตตวุธ" พ่อค้าขายของ ในจ.กาฬสินธ์  ถึงกับระบุว่า "อยากจะฆ่าพวกมันให้หมด"

ซึ่งหมายถึง "ทักษิณ" และพวกตำรวจที่ฆ่าลูกชายของเขา โดยศพถูกพบเป็นผูกติดกับต้นไม้ในสวนสาธารณะ ในเมืองกาฬสินธ์

"ประวิทย์ สัตตวุธ" ถูกฆาตกรรมเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ขณะอายุ 21 ปี กลุ่มสิทธิมนุษยนหลายกลุ่ม สงสัยว่า เป็นฝีมือของตำรวจในพื้นที่ ตามนโยบายกวาดล้างยาเสพติด ของ "ทักษิณ" ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างมากว่า เป็นการ "ฆ่าตัดตอน" ตั้งศาลเตี้ย และล่วงละเมิด

กระนั้น ความรู้สึกโกรธแค้นของพ่อคนนี้ สวนทางกับกระแสส่วนใหญ่ในภาคอิสาน ฐานเสียงสำคัญของ "ทักษิณ" ที่ได้ใจคนชนบทจากนโยบาย "ประชานิยม" และนโยบาย "กวาดล้างการค้าเสพติด" โดยเฉพาะ "ยาบ้า" แบบเด็ดขาด

เอเอฟพี ระบุว่า "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ที่ถูกมองว่า เป็นตัวแทนของ "ทักษิณ" และกำลังหาเสียงชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ได้บอกกับเอเอฟพีเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า เธอจะดำเนินนโยบายยาเสพติด โดยคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน แต่หลายฝ่าย เกรงว่า การล่วงละเมิดสิทธิฯ อาจกลับมาอีก หากพรรคเพื่อไทยของเธอชนะการเลือกตั้ง

ท้ังนี้ รายงานปี 2551 ของคณะกรรมการพิเศษชุดหนึ่ง ที่ดูแลนโยบายปราบปรามยาเสพติดในไทย ระบุว่า คดีฆาตกรรมช่วงกุมภาพันธ์ -เมษายน 2546 ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญ ของการรรณงค์กวาดล้างยาเสพติดสมัย "ทักษิณ" นั้น เพิ่มขึ้นถึง 88 % โดยเป็นคดีฆาตกรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด 1,370 ราย จากทั้งหมด 2,873 ราย

"เบนจามิน ซาวัคกี้" นักวิจัยขององค์การนิรโทษกรรมสากลในไทย กล่าวว่า น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อคิดว่า คนที่อยู่เบื้องหลังสงครามยาเสพติดครั้งนั้น อาจกลับมามีอำนาจในการเมืองไทยอีก

เอเอฟพี รายงานโดยระบุว่า รัฐบาลในขณะนั้น ย้ำว่า เหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้ค้ายาเสพติด ที่ "ฆ่าตัดตอน" กันเอง แต่ดูเหมือนเป็นการกระตุ้นให้ตำรวจ เดินหน้าวิสามัญแบบไม่ปราณี และไม่มีการสอบสวนการเสียชีวิตเพื่อเอาผิดใคร

เอเอฟพี ยังระบุด้วยว่า "ทักษิณ" เคยพูดสมัยรณรงค์หาเสียง เมื่อปี 2546 ว่า "พ่อค้ายาเสพติด ไม่มีความปราณีกับคนไทย กับลูกหลานของเรา ดังนั้น หากเราจะไม่ปราณีกับคนเหล่านั้นบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร" และสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำบัญชีดำผู้ต้องสงสัยพัวพันยาเสพติด

ทั้งนี้ องค์การนิรโทษกรรมสากล ระบุว่า คดีฆาตกรรมจำนวนมากเกิดขึ้น หลังจากคนที่อยู่ในบัญชีดำ ไปรายงานตัว หรือเพื่อไปเคลียร์สถานภาพของตนเอง ที่สถานีตำรวจ

กรณีของ "ประวิทย์" นั้น ถูกจับกุมที่กาฬสินธุ์ เมื่อกุมภาพันธ์ 2547 ฐานทะเลาะวิวาท ต่อมาได้รับประกันตัว และได้กลับไปยังสถานีตำรวจอีกครั้งในวันถัดไป เพื่อไปเอาโทรศัพท์มือถือ หลังจากนั้น ผู้เป็นพ่อกลับได้เจอลูกอีกครั้ง ในสภาพเป็นศพ

"หมอบอกว่า ลูกชายตายเพราะขาดอากาศหายใจ แต่เมื่อเปิดดูศพในโลงในอีกวันต่อไป เห็นรอยฟกช้ำที่ซี่โครงเหมือนถูกซ้อม"

"ประวิตร" เคยถูกจำคุกฐานมียาเสพติดในครอบครอง แต่ได้เข้าสถานฟื้นฟู และได้รับใบประกาศเลิกยาได้เด็ดขาดแล้ว 1 เดือนก่อนเสียชีวิต "ประวิทย์" ตาย ในขณะที่แฟนสาวกำลังตั้งครรภ์

จนถึงวันนี้  ที่หน้าศาลากลางจ.กาฬสินธ์ ยังมีป้ายจารึกขนาดใหญ่ที่ประกาศอย่างภาคภูมิใจว่า เป็นจังหวัดปลอดยาเสพติด ตั้งแต่ปี 2545 ซึ่ง "ทักษิณ" เคยกล่าวชื่นชม และเป็นแรงบันดาลใจให้ใช้แนวทางเด็ดขาดแบบเดียวกันทั่วประเทศ

นักเคลื่อนไหวระบุว่า การเสียชีวิตหลายรายอย่างกรณีของ "ประวิตร" เป็นมรดกพฤติกรรมโหดทารุณและการอยู่เหนือกฎหมายของตำรวจ โดยมีตำรวจที่เกี่ยวข้องกับสงครามยาเสพติดไม่กี่นายเท่านั้น ที่ถูกดำเนินคดี

รายงานเอเอฟพี ยังอ้างความเห็นของ "สุนัย ผาสุก" จากฮิวแมนไรทส์วอทช์ว่า การปกปิดอย่างเป็นระบบ ทำให้เจ้าหน้าที่ที่ลุแก่อำนาจยังอยู่ในตำแหน่ง และข่มขวัญประชาชนได้ต่อไป

กลุ่มสิทธิฯ ระบุว่า มีคดีฆาตกรรมอย่างน้อย 27 คดีในกาฬสินธุ์ ที่เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่ของตำรวจภายใต้ นายกฯทักษิณ และ "สุนัย" ระบุว่า อาจมีคดีฆาตกรรมมากกว่านี้อีก ที่ไม่ได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณะ

ทั้งนี้ มีเพียงคดีเดียว ที่เดินเรื่องไปถึงศาล คือตำรวจ 6 นาย ถูกแจ้งข้อหาฆาตกรรม โดยไตร่ตรองล่วงหน้า ในเหตุฆาตกรรมเด็กชายวัย 17 ปี ที่ถูกพบเป็นศพในสภาพแขวนคอ หลังจากถูกจับกุมฐานขโมยจักรยานยนต์หลายวันก่อนหน้านั้น เมื่อกรกฎาคม 2547

แต่ "พิกุล พรมจัน" ป้าของผู้ตาย และเป็นนักเคลื่อนไหว เรียกร้องความยุติธรรมแก่ผู้เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำในกาฬสินธ์ ต้องมีชีวิตอยู่อย่างหวาดกลัวภายใต้การคุ้มกันพยาน ระหว่างการพิจารณาคดีอันยืดเยื้อ ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ศาลได้เลื่อนการไต่สวนออกไปเป็นธันวาคม

กระน้ัน "พิกุล" ก็ยืนยันว่า จะสู้อย่างสุดกำลัง แต่ไม่มีความหวังมากนักในระบบยุติธรรม