เมื่อ 14 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. และผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย
โพสต์ข้อความลงในเว็บเฟซบุ๊กตอบโต้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กรณีเกิดเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองเป็นประเด็นๆ ไปว่า
1. นายอภิสิทธิ์บอกว่าความรุนแรงเริ่มตั้งแต่ปี 2552 ที่มีการล้มประชุมอาเซียน โดยจงใจไม่กล่าวถึงกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินที่มาดักทำร้ายคนเสื้อแดงระหว่างทางกลับจากการยื่นหนังสือรอบแรก คนพวกนั้นเป็นชายฉกรรจ์ผมสั้นเกรียนมีทั้งปืน มีด และไม้เป็นอาวุธมีคนบาดเจ็บหลายรายและปรากฏข้อมูลว่ากลุ่มคนดังกล่าวบัญชาการโดยผู้มีอิทธิพลในพรรคร่วมรัฐบาล ความรุนแรงเริ่มต้นตรงนี้
2.นายอภิสิทธิ์สรุปเหตุการณ์ว่าชาวบ้านนางเลิ้ง 2 คนเสียชีวิตเพราะตกเป็นเหยื่อของการชุมนุม ถามว่าผ่านมากว่า 2 ปีคดีนี้คืบหน้าไปถึงไหน ได้ตัวคนทำความผิดหรือยัง ถ้ายัง นายอภิสิทธิ์สรุปได้อย่างไรว่าพวกเขาเป็นเหยื่อของการชุมนุม ทำไมไม่พูดความจริงด้วยว่ามีคนเสื้อแดง 2 คนกลายเป็นศพถูกมัดมือไพล่หลังลอยน้ำเจ้าพระยา คดีนี้ผลการสืบสวนเป็นอย่างไร
3.มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความจริงเรื่องนี้ แต่เหตุใดจึงไม่รายงานผลต่อประชาชน นายอภิสิทธิ์จงใจปกปิดความจริงอยู่ใช่หรือไม่ เชื่อว่าถ้ามีการเปิดเผยความจริง ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในเหตุการณ์สงกรานต์เลือดปี 2552 น่าจะมีส่วนช่วยอย่างสำคัญที่จะป้องกันเหตุสูญเสียครั้งใหญ่ในปีต่อมา แต่นายอภิสิทธิ์ไม่ยอมพูดความจริงแล้วจะปฏิเสธความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างไร
4.การบอกว่าเหตุการณ์ปี 2553 เริ่มจากการตัดสินยึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงว่านายอภิสิทธิ์ยังคงเวียนว่ายตายเกิดอยู่กับการวาดภาพปีศาจใส่ฝ่ายตรงข้าม เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ตนยืนยันว่าเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่การขับไล่รัฐบาลทักษิณจนถึงนายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องเดียวกัน การยึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีผลใดๆ ต่อการต่อสู้ในปี 2553 การทำลายประชาธิปไตยและระบบยุติธรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่างหาก เป็นสาเหตุที่แท้จริง
5.การเทียบเคียงคดีซุกหุ้นกับคดียึดทรัพย์ของพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่ออธิบายว่า ถ้าตัดสินได้ประโยชน์พอใจ ถ้าไม่ก็คือสองมาตรฐานเป็นตรรกะหน้าไม่อาย เพราะคดีซุกหุ้นเริ่มก่อนพ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯ มีกระบวนการตามระบบปกติจนถึงวันตัดสิน แต่คดียึดทรัพย์เกิดหลังรัฐประหารโดยตั้งต้นจากคตส. ซึ่งรวมเอาคนเกลียดทักษิณมาเป็นกรรมการ นายอภิสิทธิ์แยกแยะคำว่าเผด็จการกับประชาธิปไตยเป็นไหม
6.การอ้างว่าพยายามอย่างที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงในปี 2553 เป็นคำพูดเอาแต่ได้ เพราะข้อเรียกร้องของประชาชนคือการยุบสภา ซึ่งนายอภิสิทธิ์ไม่มีความชอบธรรมจะดำรงตำแหน่งนายกฯ ตั้งแต่ต้น คำยืนยันของนายชุมพล ศิลปอาชา เรื่องพลังที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คือใบเสร็จเรื่องนี้ การอ้างว่าอยู่เพื่อแก้ปัญหาวันนี้ก็ชัดแล้วว่าทุกปัญหาร้ายแรงกว่าเก่า ยอมรับเถิดว่าการฆ่าไม่สามารถทำให้ชนะได้
7.ตนยืนยันว่านปช.ไม่มีกองกำลังติดอาวุธ ถ้านายอภิสิทธิ์บอกว่ามี ตนอยากเห็นหน้าคนพวกนี้ว่าเป็นใคร ใช่คนที่ถูกยิงตายมือเปล่ากลางถนนไหม หรือรัฐบาลจับเอาไปขังไว้ที่ไหน การที่คนเสื้อแดงไม่เรียกร้องให้ยุบสภาอีกหลังเหตุการณ์เพราะรู้แล้วว่าไร้ประโยชน์ นายอภิสิทธิ์ยึดติดกับอำนาจยิ่งกว่าชีวิตประชาชน จะเรียกร้องอย่างไรคงไม่เป็นผล และที่สำคัญคือประชาชนยังไม่อยากตาย
8. เหตุการณ์ 10 เม.ย. ไม่ใช่การสลายการชุมนุมตามหลักสากล มีที่ไหนบ้างใช้เฮลิคอปเตอร์โยนแก๊สน้ำตาลงกลางเวทีที่มีทั้งผู้หญิง และคนแก่จำนวนมาก มีคนถูกยิงตายรายแรกราว 16.00-17.00 น. ข่าวช่องไทยพีบีเอสเขาสัมภาษณ์หมอคนหนึ่ง ซึ่งบอกมาตามนั้น ไม่ใช่การขอคืนพื้นที่ แต่เป็นการปราบปรามประชาชน ข่าวรายงานว่า นายทหารใหญ่ให้สัมภาษณ์ว่าต้องให้จบในคืนนั้น ไม่มีตรงไหนอธิบายว่านายอภิสิทธิ์พยายามยุติปฏิบัติการ
9.จนเหตุการณ์บานปลายเอาไม่อยู่ จึงมีการเจรจาระหว่างตนกับนายกอร์ปศักดิ์ เราพร้อมจะให้ความร่วมมือในการยุติความรุนแรงในทันที มีคนตายทั้งทหารและประชาชน 20 กว่าชีวิต ตนเสียใจกับทุกครอบครัว ปัญหาคือเราบอกได้ว่าคนตายคนไหนเป็นทหาร แต่ไม่มีใครระบุได้ว่าใครคือชายชุดดำ ใครคือผู้ก่อการร้าย เพราะทุกคนที่ตายไม่มีอาวุธ และมีหลักแหล่งครอบครัวชัดเจนทุกคนมีญาติพี่น้องมาร่ำไห้ที่เวที จนถึงวันนี้ยังไม่มีคำอธิบายจากรัฐบาล
10.นายอภิสิทธิ์บอกว่าช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในคืนนั้นไม่อาจหลับตาลงได้แม้แต่นาทีเดียว แล้วรู้ไหมครับว่าทุกชีวิตที่ตายไม่มีใครตาหลับเลยจนถึงวันนี้ เพราะเขาไม่มีทางเข้าใจว่าทำไมต้องตาย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากระสุนสไนเปอร์เหล่านั้นมาจากทางทิศไหน และตายไปแล้วดวงวิญญาณก็ยังมองไม่เห็นความยุติธรรมจะปรากฏ หลังจากเหตุการณ์นั้นทุกวันที่นอนหลับนายอภิสิทธิ์ฝันเห็นพี่น้องตนที่ตายบ้างไหม