อดีต กก.บห.พรรคชาติไทย แฉ เปรียบถูกปืนจ่อหัวร่วมตั้งรัฐบาล “ปชป.” ส่วนโฆษก ชทพ. ฝัน “หนั่น-ชุมพล” นายกฯ ขั้วที่สาม
เมื่อ วันที่ 10 มิ.ย. 'นายเอกพจน์ ปานแย้ม' อดีตกรรมการบริหารพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณี 'นายชุมพล ศิลปอาชา' หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ระบุว่าถ้าไม่ถูกบีบบังคับก็คงไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ว่า เป็นเรื่องจริง ในขณะนั้นตนเป็นวิปรัฐบาลพยายามทำหน้าที่เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามระบบรัฐสภา แต่ถูกสกัดกั้นตลอด ทั้งการทำหน้าที่ของตนและของพรรคโดยถูกมองว่าเป็นการไปสนับสนุนอีกฝ่าย
แม้หลายคนจะเตือนว่าถ้าพรรคยังคงร่วมรัฐบาลต่อไปก็จะถูกยุบพรรคแน่ แต่ทั้งนาย 'บรรหาร ศิลปอาชา' หัวหน้าพรรคชาติไทยในขณะนั้น และสมาชิกพรรคไม่มีใครเชื่อ เพราะเราเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรม แต่ท้ายที่สุดพรรคก็ถูกยุบ พวกเราเจ็บปวดมาก โดยเฉพาะนายบรรหาร
อดีต กก.บห. พรรคชาติไทย เปิดเผยอีกว่า การที่ตัดสิทธิผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยมันเป็นความอัปยศสิ้นดี และยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นอีก เพราะหลังจากนั้นสมาชิกที่เหลือต้องเข้าไปร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งก็รู้ว่าหลายคนในพรรคประชาธิปัตย์มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
โดย 'นายวราวุธ ศิลปอาชา' บุตรชายนายบรรหารพูดกันตนเป็นนัยว่า “ต้องทำใจ เราคงฝืนไม่ได้ มันเหมือนเราถูกเอาปืนจ่อหัวให้จำยอม ถ้าไม่ทำอาจจะหนักกว่าถูกตัดสิทธิ” ทำให้ตนเข้าใจว่าเราคงไม่มีทางเลือกจริง ๆ และนี่คือสิ่งที่เรายังเคลือบแคลงสงสัยอยู่ทุกวันนี้
ที่พรรคชาติไทยพัฒนา 'นายวัชระ กรรณิการ์' โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา แถลงว่า การเดินสายหาเสียงของพรรคในพื้นที่ภาคกลางถือว่าได้รับผลตอบรับดีมากใน 2 ส่วน คือ 1.นโยบายปรองดอง ลดความขัดแย้ง ซึ่งพี่น้องประชาชนในภาคกลางเข้าใจในส่วนนี้ถึงขั้นมีการทราบว่าใครจะเป็น นายกรัฐมนตรีปรองดอง
2.ความนิยมของผู้สมัคร ส.ส. ถือว่ามีความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนเป็นดาวฤกษ์ ทำให้มั่นใจว่าทั้ง พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรค และนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค สามารถเป็นนายกฯ จากขั้วที่สามได้แน่นอน.