เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับ 1 พรรคเพื่อไทย
พร้อมด้วยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายโอฬาร ไชยประวัติ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ คณะทำงานฝ่ายเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และผู้สมัคร ส.ส.หญิง กทม. พรรคเพื่อไทย เดินทางไปหารือกับคุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ทั้งนี้ นางเยาวเรศ ชินวัตร อดีตประธานสภาสตรีฯ และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในฐานะที่ปรึกษาประธานสภาสตรีฯ และ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล บุตรสาว พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผลหรือ เสธ.แดง ก็ได้เดินทางมาร่วมหารือในครั้งนี้ด้วย
คุณหญิงณัฐิกา กล่าวว่า บทบาทของสตรีไทยได้เพิ่มมากขึ้น จึงอยากเสนอประเด็นให้มีการจัดตั้งกระทรวงสตรี เพื่อให้สามารถดำเนินนโยบายสังคมเพื่อบูรณาการการดำเนินงานได้
ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีนโยบายส่งเสริมสตรีทั้งในเรื่องของสิทธิ บทบาทความเท่าเทียมในสังคม และศักดิ์ศรี รวมทั้งจะส่งเสริมในเรื่องของรายได้และอาชีพเสริมให้กับสตรีด้วย ทั้งนี้ โอท็อปถือเป็นการแสดงถึงความสามารถของสตรี จึงมีนโยบายที่จะส่งเสริมอาชีพให้กับผู้หญิง และเพื่อให้องค์กรสตรีสามารถขับเคลื่อนได้ ก็จะตั้งกองทุนส่งเสริมบทบาทสตรี โดยจะตั้งงบฯเฉลี่ยจังหวัดละ 100 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาและเป็นศูนย์ฝึกอาชีพให้กับสตรี หากพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาลก็จะทำงานร่วมกับสภาสตรีฯ และกลุ่มแม่บ้านในแต่ละจังหวัดควบคู่กันไปด้วย ทั้งนี้ กลุ่มแม่บ้านที่ไม่ได้จบการศึกษาระดับ ม.6 แต่มีความรู้ความสามารถมีจำนวนมาก ดังนั้น จะให้กลุ่มแม่บ้านเหล่านี้สามารถสอบซ่อมและเชื่อมหน่วยกิตที่เคยเรียนในอดีต เพื่อเป็นการยกระดับให้กับกลุ่มแม่บ้านภายใน 1 ปี จะได้มีวุฒิไปใช้สมัครงาน รวมทั้งตั้งศูนย์ดูแล 24 ชั่วโมง
"วันนี้พรรคเพื่อไทยมีผู้สมัคร ส.ส.หญิงทั้งระบบเขตเลือกตั้งและระบบบัญชีรายชื่อถึง 66 คน ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของสตรีที่เข้ามามีบทบาททางการเมือง และหากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลก็จะมีผู้หญิงเข้าไปทำงานทั้งในฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารอีกมากด้วย โดยจะขอเป็นตัวกลางที่จะเชื่อมระหว่างภาครัฐ และกลุ่มสตรีทั้งในเมืองและต่างจังหวัดด้วย" น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว