ที่ตลาดสดยิ่งเจริญ สะพานใหม่ นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้ให้สัมภาษณ์ถึงบรรยากาศการเลือกตั้งที่ยังมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง
มีการขุดคุ้ยเรื่องซุกหุ้นของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่ออันดับ 1 พรรคเพื่อไทย และการหาเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสื้อแดงยังตามป่วนว่า ทั้งหมดเป็นแต่เพียงคำพูด ซึ่งอยู่ในช่วงของบรรยาการศหาเสียงเลือกตั้ง มันเป็นธรรมดา ที่แต่ละฝ่ายพยายามแย่งชิงเสียงจากประชาชน ไม่ว่าจะเป็นประกาศไม่ร่วมงานกับพรรคนั้นแต่จะร่วมงานกับพรรคนี้ การท้าทายให้มีการดีเบท การโจมตีจุดอ่อน
เมื่อถามถึงเรื่องผลโพล์ที่ออกมาว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้เสียง 230 เสียง พรรคเพื่อไทยได้ 270 เสียง นายชุมพล กล่าวว่า แม้แต่แต่เรื่องโพล์ถือว่ามีส่วน ไม่น่าถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เอาไว้หลักการเลือกตั้งผลออกมาเป็นอย่างไรค่อยว่ากันอีกที ช่วงหาเสียงเลือกตั้งยังเอาอะไรแน่นอนไม่ได้ อย่างกรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่มีการยื่นให้ตรวจสอบกรณีซุกหุ้นก็ยังถือว่าดีที่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว จะซุกหุ้นหรือไม่ซุกหุ้น อะไรก็แล้วแต่จริงไม่จริงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้นบรรยากศของการเลือกตั้ง เรื่องของตัวบุคคลหรือมีถ้อยคำโผล่เข้ามา ก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่น่าถือสาเป็นเรื่องใหญ่โต เพราะหลังสุดแล้วอะไรที่เป็นความจริงก็ต้องเป็นความจริง
เมื่อถามว่าจะเป็นการทำลายบรรยากาศการปรองดองด้วยหรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า ไม่ เพราะเป็นเพียงผิวเผินในเรื่องของคำพูดเท่านั้น การปรองดองต้องมีหลักการและจะต้องมีหัวใจที่จะปรองดอง ไม่ใช่เอาคำพูดมาปรองกันมันไม่ใช่ รวมถึงต้องมีหลักการและมีบุคคลที่จะมาปรองดองให้ ไม่ใช่คู่กรณีปรองดองกันเอง ไม่มีที่ไหนในโลกเขาทำกัน
เมื่อถามว่าคนที่ยื่นให้ตรวจสอบน.ส.ยิ่งลักษณ์มีการมองว่าเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ นายชุมพล กล่าวว่า มีสิทธิ์ที่จะมองได้ และคนที่ไปยื่นก็มีสิทธิ์ ส่วนจะจริงเท็จอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งไม่น่าถือเป็นเรื่องใหญ่โต ก็อย่างที่นายบรรหาร ศิลปอาชา บอกว่ามันเป็นแค่ละครไม่ใช่ของจริง ที่จะเอาพระเอก นางเอกมาแต่งงานกัน มันเป็นแค่นิยาย ไว้หลังเลือกตั้ง เพราะอะไรก็เปลี่ยนแปลงได้ ความไม่แน่นอนคือความแน่นอน ดังนั้นต้องพึงสังวรณ์ไว้ว่าประชาธิปไตยต้องได้รับการพัฒนาต่อไป ประชาชนจะต้องมีส่วนร่วมในการออกเสียงเลือกตั้ง และต้องยึดเสียงประชาชนเป็นหลักในการพิจารณาอะไรต่อไป
“ ทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดีแล้ว แต่สิ่งที่ไม่ควรจะทำคือไปตะกรุยคนในกองทัพ เขาอยู่ของเขาดีๆก็ไมมีอะไร บรรดาผู้มีสีจะคุยอะไรกันก็แสดงความคิดเห็นได้ แต่ความคิดเห็นนั้นจะตกผลึกของสังคมหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นคนละเรื่องกัน หากพรรคการเมืองจะเข้าไปหารือกับกองทัพ ก็เป็นสิทธิของแต่ละคน แต่พรรคชาติไทยพัฒนาคงไม่ไปพบ แต่จะไปหาเสียงในค่ายทหาร ” นายชุมพล กล่าว
เมื่อถามว่าแผนบันได 4 ขั้นที่จะเอาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้าน เป็นไปได้หรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นเลยว่าบันได 4 ขั้น เป็นอย่างไร แต่ไม่ว่าจะกี่ร้อยขั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชนในเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนออะไรก็ตามที ตอนนี้ปรองดองเป็นเรื่องใหญ่ ต้องทมำให้กระแสปรองดองครอบงำสังคมให้ได้ก่อน เพื่อไปสู่ความสงบของประเทศ เศรษฐกิจ สังคมจะเดินหน้าได้ขึ้นอยู่กับการปรองดอง ส่วนจะมีวิธีการอย่างไร พรรคและคณะกำลัง เตรียมแผนการเอาไว้แล้ว ซึ่งจะออกมาเร็วๆนี้