ชวนสวนเติ้งไม่เคยสัญญาแก้ กม.ยุบพรรค วอนเห็นใจ

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)

กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของพรรคร่วมรัฐบาลที่เริ่มสื่อสารการจับขั้วตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งว่า คงต้องไปถามพรรคเหล่านั้น แต่ที่มีการสื่อสารกันออกมาคิดว่าน่าจะเป็นการแสดงความรู้สึกออกมาก่อนการเลือกตั้งเพื่อที่จะกันตัวเองเอาไว้ก่อนด้วยการประเมินล่วงหน้า

เมื่อถามกรณีนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยทำนายทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ อันดับ1 พรรคเพื่อไทย จะไม่ได้เป็นนายกฯหลังเลือกตั้ง เพราะจะมีนายกฯคนกลาง นายชวนกล่าวว่า ระบบของ ปชป.มีความชัดเจนว่าเมื่อได้เป็นรัฐบาล คนเป็นหัวหน้าพรรคคือคนที่เป็นนายกฯ

 "ที่มีการพูดถึงชื่อของผมนั้นขอยืนยันว่าไม่มีเหตุผลจำเป็นใดๆ และผมเป็นคนยึดมั่นในคำมั่นสัญญาเป็นสำคัญ เพราะตอนที่มีการแก้รัฐธรรมนูญเรื่องระบบเขต ผมไม่เห็นด้วยและยืนยันว่าต้องแก้ทั้งฉบับ แต่เมื่อมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาและเห็นห้องด้วยกันทุกฝ่ายต้องดำเนินการ ส่วนเรื่องอื่นผมได้ถามนายกฯว่าตกลงไปรับปากหรือสัญญาว่าจะแก้มาตรา 237 ด้วยหรือไม่ นายกฯยืนยันว่าไม่เคย ที่พูดเพราะเห็นนายบรรหาร ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนาไปบอกว่าเราได้สัญญาอะไรไว้ นายอภิสิทธิ์ทำงานหนักมาตลอด 2 ปีเศษซึ่งน่าเห็นใจ ขณะที่อีกกลุ่มจะล้มให้ได้ทั้งในและนอกสภา เชื่อว่านายอภิสิทธิ์มีความเหมาะสมที่จะทำงานเป็นนายกฯต่อ"นายชวนกล่าว

สำหรับมาตรา 237 ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ใดกระทำการ ก่อ หรือสนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ

ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา หรือระเบียบหรือประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งมีผลทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของบุคคลดังกล่าวตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาถ้าการกระทำของบุคคลตามวรรคหนึ่ง ปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าหัวหน้าพรรคการเมืองหรือกรรมการบริหารของพรรคการเมืองผู้ใด มีส่วนรู้เห็น หรือปล่อยปละละเลยหรือทราบถึงการกระทำนั้นแล้ว มิได้ยับยั้งหรือแก้ไขเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ให้ถือว่าพรรคการเมืองนั้นกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ตามมาตรา 68 และในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมืองนั้น ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมืองดังกล่าวมีกำหนดเวลาห้าปีนับแต่วันที่มีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมือง