นักวิชาการรุมจวกพรรคการเมือง ใช้นโยบายประชานิยมหาคะแนน เป็นเสมือนของหวานเคลือบยาพิษ เตือนประชาชนต้องรู้ทันนักการเมือง
ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์หรือนิด้า วันนี้ (29 พ.ค.) ได้จัดเสวนาเรื่อง” เศรษฐกิจประชานิยม ขนมหวานหรือยาพิษ” โดยนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรมว.คลัง จากพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นโยบายประชานิยมของพรรค มั่นใจว่าทำได้จริง โดยเฉพาะการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ภาคธุรกิจสามารถรับได้ เพราะจะมีการปรับลดการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคลคลเหลือร้อยละ 23 ซึ่งจะเป็นการดึงดูดการลงทุน สามารทำได้ให้เศรษฐกิจประเทศขยายตัวได้ ร้อยละ 7-8 ต่อปี โดยภาษีที่ลดลงในปีแรก 9 หมื่นล้านก็จะทยอยเพิ่มขึ้นเป็นบวกได้ภายใน 6 ปี อย่างไรก็ตามกรอบในการคิดของพรรคคือเป็นนโยบายที่ให้โอกาสทุกคน ประชาชนจะได้ประโยชน์ แต่ทั้งนี้จะต้องไม่โกง
นายสรรเสริญ สมะลาภา โฆษกด้านเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นโยบายประชานิยมไม่ใช่ขนมหวานหรือยาพิษแต่เป็นยาชูกำลัง โดยสองปีที่รัฐบาลบริหารประเทศมาได้ดำเนินโครงการตามที่ได้ให้คำมั่นในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ไม่ว่า จะเป็นนโยบายเรียนฟรี รักษาฟรีทุกโรค ประกันราคาสินค้าเกษตร เบี้ยยังชีพคนชรา แต่ขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจเปลี่ยนไป ค่าครองชีพที่สูงขึ้นจากวิกฤติราคาสินค้า ซึ่งก็เป็นภาวะเดียวกันทั่วโลก ยืนยันว่าโครงการประชานิยมของพรรคประชาธิปัตย์สามารถปฏิบัติได้จริง โดยเฉพาะการปรับค่าแรง 25 เปอร์เซ็นต์ภายใน 3 ปีทำได้แน่นอน และไม่กระทบต่อภาคเอกชน
รศ.ดร.วิวัฒน์ชัย อัตถากร อ.ประจำหลักสูตร คณะรัฐประศาสนศาสตร์ นิด้า กล่าวว่า อยากเห็นพรรคการเมืองมีความจริงใจในการแก้ปัญหาของประเทศชาติ เพราะที่ผ่านมาเห็นแต่ออกโครงการประชานิยมเพื่อใช้ในการหาเสียงในช่วงเลือกตั้ง แต่ไม่สนใจว่าจะสามารถปฏิบัติจริงได้หรือ แต่ละพรรคการเมืองก็คิดแต่ลดแลก แจกแถม เกทับ บลั๊พแหลกให้โดนใจประชาชน เป็นการซื้ออำนาจรัฐ แบบเบ็ดเสร็จ การเลือกตั้งที่บอกว่าเป็นการคืนอำนาจให้กับประชาชนจึงน่าสมเพช เพราะเป็นการโกหกหน้าด้านๆ การ เลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันระหว่างพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรคการเมืองไทยยังผูกขาด โดยกลุ่มคน กลุ่มทุน ไม่กี่กลุ่ม เป็นการเมืองเชิงพาณิชย์ จึงอยากให้ กกต.เข้าไปตรวจสอบว่า บางโครงการเป็นการให้สัญญาว่าจะให้เกินจริงหรือไม่
นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร ประธานสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง กล่าวว่า นโยบายประชานิยมเป็นนโยบายที่เอาใจคน หวังแค่คะแนนเสียง แต่บ้านเมืองไปไม่รอด ทั้งวิกฤติสิ่งแวดล้อม และความขัดแย้งทางการเมือง หากประชาชนมัวแต่แบมือรอเงินจากรัฐบาล บ้านเมืองวิกฤติแน่ ดังนั้นจึงเป็นยาพิษที่เคลือบน้ำตาล ประชาชนควรจะรู้สิทธิ์ และอำนาจตัวเอง ว่าเราเป็นเจ้าของประเทศ นักการเมืองคือผู้อาสามารับใช้ประชาชน และนักการเมืองที่คิดเข้ามาหาประโยชน์ควรจะคิดว่าประชาชน โดยเฉพาะชาวนา เกษตรกรไม่ใช่คนโง่ เพราะมีคนที่จบการศึกษาสูงหลายคนเบื่อชีวิตคนเมือง และนักการเมืองหันไปประกอบวิชาชีพเกษตรแทน ซึ่งรู้เท่าทันนักการเมืองทุกอย่าง
Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว