อดีต ป.ป.ช.รอดชี้คุณสมบัติ! เหตุ คปค.ฉีกทิ้ง รธน.40

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 21 ธันวาคม 2549 01:07 น.

เลขาฯศาล รธน.แจงคำสั่ง คปค.งดใช้บทบัญญัติสรรหา พิจารณาคุณสมบัติ อดีดป.ป.ช.ทั้ง 5 คน พร้อมสั่งจำหน่ายคำร้องคดีวุฒิศึกษา ชี้ วินิจฉัยไปก็ไม่เกิดผล เหตุ รธน.40 ถูกล้มเลิก

เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีประธานรัฐสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 266 กรณีมีปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของวุฒิสภาในการพิจารณาเลือกบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยมีจำนวน 5 คน ที่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติเรื่องเคยเป็นอธิบดีหรือเทียบเท่าอธิบดีหรือไม่ ได้แก่ นายสันติ บางอ้อ รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นางสัจจา ศศะนาวิน รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน นางอารีรัตน์ วัฒนสิน รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พล.ต.ท.วันชัย ศรีนวลนัด ผช.ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายดิลก บุญเรืองรอด อธิบดีการบดี มรภ.สวนสุนันทา

แต่ปรากฏว่า ในระหว่างการพิจารณาคดีนี้ ได้เกิดการปฏิรูปการปกครอง และคณะปฏิรูปฯได้ออกประกาศฉบับที่ 19 ให้งดเว้นการใช้บทบัญญัติเกี่ยวกับการสรรหา ป.ป.ช.พร้อมกับประกาศรายชื่อกรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 9 คนแล้ว ดังนั้น คณะตุลาการจึงพิจารณาและเห็นว่าไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย ปัญหาเรื่องคุณสมบัติของผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 5 คนตามคำร้อง

เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพของ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคไทยรักไทย และนายนพดล พลเสน อดีต ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทย ในกรณีขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 118(4) ประกอบมาตรา 107(3) หรือไม่ ซึ่งศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าระหว่างที่ 2 คำร้องนี้อยู่ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญเดิมนั้นได้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภา เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2549 เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ จึงส่งผลให้สมาชิกภาพความเป็นของ ส.ส.ของทั้งนายสงคราม และนายนพดล เป็นอันสิ้นสุดลง อีกทั้งหากตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของนายนพดล และนายสงครามสิ้นลงตามคำร้อง คำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็ย่อมไม่มีผลบังคับประการใดได้ เนื่องจากสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ได้สิ้นสุดไปก่อนหน้านี้แล้ว และต่อมา คปค.ได้ออกประกาศให้รัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นอันสิ้นสุด กรณีนี้จึงไม่เป็นประโยชน์ที่จะวินิจฉัยสมาชิกภาพของของบุคคลทั้ง 2 อีกต่อไป จึงมีมติให้จำหน่ายคดี