โฆษกทหารไทยยันไม่ใช้อาวุธเคมี-เครื่องบิน

โฆษก ทบ.รับยิงโต้ 22กม.เป้าหมายฐานทหารเขมร และควรถก"จีบีซี" 27,000คนไทยไปอย่ศูนย์อพยพ โฆษกกลาโหม แจงไทยไม่ใช้อาวุธเคมี เครื่องบินรบ

"ที่ผ่านมาได้มีความพยายามประสานงานทุกระดับให้หยุดยิง โดยเฉพาะ 2 วันที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าในวันนี้มีการปะทะกันขึ้นอีก เมื่อเวลา 09.00 น. ซึ่งกองทัพไทยได้พยายามทำให้สถานการณ์คลี่คลาย ให้ทุกอย่างอยู่ตามข้อตกลงที่ตกลงกันไว้ วันนี้นโยบายกองทัพไม่เริ่มเปิดฉากก่อน ตอบโต้เท่าที่จำเป็น พยายามจำกัดวงความปลอดภัย เป้าหมายจะเป็นเฉพาะทางทหารในที่ตั้งอาวุธของกัมพูชาเท่านั้น รัฐบาลไทยต้องการให้ทุกอย่างเป็นตามกลไกที่รัฐบาลตกลงกันไว้ทั้งการเจรจาทวิภาคี และเอ็มโอยู 43” 

โฆษกกองทัพบก กล่าวต่อไปว่า ทหารไทยเสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บ 17 นาย ฝ่ายกัมพูชาสูญเสียไม่ต่างกัน ส่วนพื้นที่รองรับผู้อพยพมีทั้งสิ้น 28 แห่ง อยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ 22 แห่ง และบุรีรัมย์ 6 แห่ง มีประชาชนกว่า 27,000 คนไปอยู่ในศูนย์อพยพ
 

พ.อ.สรรเสริญ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า การจะหยุดปะทะได้อย่างถาวรต้องขึ้นอยู่กับฝ่ายกัมพูชา ต้องถอนทหารออกจากพื้นที่ในเขตปลอดทหาร ทั้งนี้จะต้องเริ่มจากการหยุดยิงเสียก่อน จากนั้นจึงนำไปสู่การเจรจาให้ต่างฝ่ายต่างถอนออกจากพื้นที่

เมื่อถามถึงเจตนากัมพูชาต้องการให้ประเทศที่สามเข้ามามีส่วนในเรื่องนี้

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า กองทัพและกระทรวงกลาโหมไม่เคยปฏิเสธไม่ให้ประเทศที่สามเข้ามาร่วมเจรจา แต่ควรมีการพูดคุยกันให้เข้าใจกันระหว่างสองประเทศก่อน จึงจะให้ประเทศอื่นเข้ามาร่วม และหากเข้าร่วมต้องกำหนดบทบาทที่ชัดเจน ทั้งนี้ย้ำว่าไม่จำเป็นต้องให้ประเทศที่สามเข้ามาเป็นผู้เจรจา เพราะกลไกของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือจีบีซี ยังคงสามารถใช้การได้ 

"เราพยายามควบคุมการปะทะให้อยู่เฉพาะในพื้นที่เป็นจุดเริ่มต้นของการปะทะคือที่ปราสาทตาควาย ตำบลบักได และปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง เท่านั้น และพยายามไม่ให้ขยายวงไปที่อื่น ซึ่งเชื่อว่ากัมพูชายังไม่พร้อมจะขยายพื้นที่ปะทะออกไป เพราะจะเห็นได้จากมีความพยายามนำกำลังทหารจากปราสาทพระวิหารมาสนับสนุนในจุดปะทะ แต่ก็มีความกังวลว่าทหารไทยจะมีปฏิบัติการทางทหารที่ปราสาทพระวิหาร และที่กัมพูชาบอกว่าทำไมเรายิงเข้าไปในพื้นที่ลึกถึง 22 กิโลเมตร ก็เพราะเราต้องยิงไปยังที่ตั้งทหารของเขา เพื่อให้ยุติการยิง ถ้าไม่อยากให้ประชาชนของท่านเดือดร้อน ก็อย่าเอาประชาชนไปไว้ในที่ตั้งยิงของท่าน” พ.อ.สรรเสริญ กล่าว

ด้าน พันเอกธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงปฏิเสธกองทัพของไทยไม่มีปฏิบัติการทางอากาศ และอาวุธเคมี หรือแก๊สพิษ ตามที่กองทัพกัมพูชากล่าวอ้าง

ซึ่งข้อเท็จจริงมีการใช้เพียงเฮลิคอปเตอร์ขนส่งผู้บาดเจ็บเท่านั้น และหากใช้จริงคงมีความเสียหายมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมีนโยบายปฏิบัติตามกฎบัตรขององค์การสหประชาชาติ โดยใช้การเจรจาเป็นหลัก และเชื่อว่าหากเจรจาในระดับทวิภาคีจะเป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุด 

"กองทัพจะขับเคลื่อนการเจรจาระดับแม่ทัพภาคก่อน จากนั้นจะขยายไปสู่การเจรจาระดับรัฐบาล การออกมาแถลงนี้ไม่ได้คิดว่าจะเป็นการตอบโต้ผ่านสื่อ แต่ต้องการสร้างความเข้าใจกับนานาประเทศ ขณะนี้ทุกฝ่ายได้พยายามเจรจากับทางการกัมพูชาในทุกระดับเพื่อให้การหยุดยิงเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด สำหรับการดูแลกำลังพลและผู้เสียชีวิตกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย และกองทัพบก จะดูแลครอบครัวทหารที่เสียชีวิตอย่างดีที่สุด” พ.อ.ธนาธิป