ส่อแววปัดคำร้องบรรณพจน์-พจมาน/แก้วสรรบอกเหตุผลฟังไม่ขึ้น

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 17 ธันวาคม 2549 22:50 น.

ส่อแววปัดคำร้อง"บรรณพจน์-พจมาน"ต้าน"สัก-กล้าณรงค์"เป็นอนุไต่สวนคดีเลี่ยงภาษีหุ้นชินฯ "แก้วสรร"บอกเหตุผลฟังไม่ขึ้นไม่เข้าข่ายมีส่วนได้ส่วนเสียกับมูลคดี

นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการคตส.และเลขานุการคตส.กล่าวว่าที่ประชุมใหญ่คตส.จะมีการนำคำร้องคัดค้านที่ฝ่ายกฎหมายของนายบรรณพจน์ ดามาพงษ์และคุณหญิง พจมาน ชินวัตรยื่นคำร้องคัดค้านนายสักและนายกล้าณรงค์เข้าหารือและลงมติในที่ประชุมคตส.เป็นเรื่องด่วนในวันจันทร์ที่ 18ธันวาคมนี้ โดยที่ประชุมจะนำคำร้องมาพิจารณาประกอบกับระเบียบว่าการการสอบสวนและการไต่สวนของคตส.ในเรื่องการตั้งอนุกรรมการไต่สวและการยื่นคำร้องคัดค้านของผู้ถูกกล่าวหาต่ออนุกรรมการไต่สวนมาเป็นหลักเกณฑ์สำคัญ ซึ่งคาดว่าจะสามารถได้ข้อยุติได้ในการประชุมวันดังกล่าวทันที

เท่าที่พิจารณาแล้วเห็นว่าเหตุผลการคัดค้านของทีมฝ่ายกฎหมายของนายบรรพจน์และคุณหญิงพจมานที่ยื่นต่อคตส.นั้นพบว่าประเด็นที่ยื่นคำร้องคัดค้านต้องดูว่าทั้งนายสักและนายกล้าณรงค์มีส่วนได้ส่วนเสียกับมูลคดีหรือไม่และมีน้ำหนักมากน้อยแค่ไหน

"ที่ประชุมคตส.ก็ต้องมาดูว่าคำร้องและเหตุผลของเขาเข้าข่ายว่าผู้ถูกร้องคัดค้านมีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่กับมูลคดีคือกรณีเรื่องการเลี่ยงภาษี แต่อย่างกรณีของคุณสัก กอแสงเรือง ที่อ้างว่าคุณสักสมัยเป็นสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานครเคยร่วมลงชื่อเป็นหนึ่งในสว.ที่ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากรณีการซุกหุ้นแอมเพิลริชนั้น มันคนละส่วนกันเพราะอันนั้นเป็นเรื่องซุกหุ้นแต่กรณีนี้เป็นเรื่องเลี่ยงภาษี หรือกรณีของคุณกล้าณรงค์ ที่บอกว่าเพราะเคยไปเกี่ยวข้องกับการชุมนุมของพันธมิตรฯผมว่ามันก็ไม่เกี่ยว เพราะตรงนั้นเป็นเรื่องของสิทธิเสรีภาพ การจะยื่นคำร้องต้องดูว่าอนุกรรมการมีส่วนได้ส่วนเสียกับมูลคดีซึ่งกรณีนี้คือเรื่องเลี่ยงภาษี ผมก็ยังดูแลัวก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะคัดค้านตรงไหน วันนี้คตส.คงมีมติเลยว่าจะเอาอย่างไรก็คงต้องเป็นเสียงส่วนใหญ่ด้วยว่าจะพิจารณาคำร้องอย่างไร คงช้าไม่ได้"เลขานุการคตส.ระบุ

จากการสอบสวนการทุจริตจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ของคณะอนุกรรมการจนถึงขณะนี้มีพยานหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอที่จะเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ได้แน่นอนแต่จะโยงถึงนักการเมืองหรืออดีตบอร์ดบริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่(บทม.)ได้หรือไม่นั้นคงไม่สามารถตอบได้ในเวลานี้แต่ยืนยันได้ว่าอนุกรรมการจะสรุปผลการสอบสวนเสนอเข้าที่ประชุมใหญ่ได้ในวันจันทร์ที่ 25 ธันวาคมนี้เพื่อให้ที่ประชุมใหญ่คตส.พิจารณาว่าจะเห็นชอบให้มีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนหรือไม่

อนุกรรมการคตส.สอบทุจริตซีทีเอ็กซ์ผู้นี้ยังกล่าวด้วยว่าอนุกรรมการได้นัดสอบปากคำพยานปากสุดท้ายซึ่งเป็นชาวต่างประเทศที่จะเดินทางจากต่างประเทศมาเพื่อให้ข้อมูลกับคตส.โดยตรงในสัปดาห์นี้โดยพยานคนดังกล่าวจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเครื่องตรวจวัตถุระเบิดที่จะเดินทางมาประเทศไทยตามที่คตส.ส่งหนังสือไปโดยคาดว่าจะมีการสอบปากคำพยานจากต่างประเทศคนนี้ในวันศุกร์ที่ 22 ธันวาคมนี้เพื่อเป็นการประชุมนัดสุดท้ายของอนุกรรมการก่อนที่จะส่งให้คตส.เห็นชอบตั้งอนุกรรมการไต่สวน

"เรื่องซีทีเอ็กซ์ก็ขอให้ประชาชนใจเย็นๆอดทนรอหน่อย วันที่ 25 ธ.ค.นี้ก็รู้ผลแล้ว หลังสอบปากคำพยานสุดท้ายเสร็จแต่ขั้นตอนจะเป็นอย่างไรก็ให้คตส.พิจารณา แต่เชื่อว่าประชาชนจะไม่ผิดหวัง"นายต่อตระกูลกล่าว

จากการสอบสวนความเสียหายในโครงการบ้านเอื้ออาทรพบว่าได้สร้างความเสียหายเป็นเงินหลายหมื่นล้านบาทซึ่งก็ไม่รู้ว่าหากรัฐจะทำต่อจะต้องถมเงินลงไปอีกกี่หมื่นล้านและอนุกรรมการได้สอบสวนโครงการบ้านเอื้ออาทรทั้งหมด 181 โครงการโดยตอนแรกจะลงไปที่ภาพกว้างจากนั้นก็ลงเจาะทีละโครงการ ซึ่งการสอบต้องสอบทั้งลึกและกว้างแต่เชื่อว่าภายในเดือนมีนาคมจะได้พยานหลักฐานทั้งหมด

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้เคยระบุว่าโครงการบ้านเอื้ออาทรมีการทุจริตเป็นแบบองค์การอาชญกรรมหมายความว่าอย่างไร นายแก้วสรรกล่าวย้ำว่าคือหมายความว่ามันจะสำเร็จคนเดียวไม่ได้ถ้าไม่มีการร่วมมือกันทุกระดับ มีผู้เกี่ยวข้องมาก แต่การสอบสวนคตส.ก็สอบไปไม่ได้รู้สึกกดดัน แม้พลเอกสนธิ บุญรัตนกลิน ประธานคมช.จะบอกว่าจะมีการสรุปผลการทุจริตภายใน6 เดือน เพราะที่ผ่านมาพลเอกสนธิก็ไม่เคยมายุ่งเกี่ยวอะไรกับคตส.เลย

กรณีรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ออกมติคณะรัฐมนตรี 11 กุมภาพันธ์ 2546 เพื่อออกพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมภาษีสรรพสามิตกล่าวว่าภายหลังจากคตส.มีมติให้ดำเนินการตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องนี้แล้วนั้น ดังนั้นในการประชุมใหญ่ของคตส.ในวันจันทร์ที่ 18 ธ.ค.จะเสนอให้ที่ประชุมใหญ่ลงมติพิจารณาว่าจะตั้งใครเป็นประธานอนุกรรมการตรวจสอบรวมทั้งจะมีการแบ่งงานกันทำระหว่างตนกับ นายบรรเจิด สิงคะเนติ คณะกรรมการ คตส.ว่าใครจะรับผิดชอบในประเด็นใดบ้าง ส่วน จะเชิญบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นอนุกรรมการด้วยหรือไม่นั้นคิดว่าจะต้องมีอยู่แล้ว แต่ยังไม่ทราบว่าจะติดต่อบุคคลในวงการใดบ้างมาร่วมเป็นอนุกรรมการสอบสวน

การที่คตส.จะแต่งตั้งอนุกรรมการสอบสวนกรณีมติครม.11 ก.พ.2546 นั้นล่าสุดด้านสมเกียรติ ตั้งกิจวานิช มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ)เปิดเผยว่าได้เดินทางไปให้ข้อมูลกับคตส.เป็นครั้งที่สองเมื่อวันศุกร์ที่15 ธ.ค. ที่ผ่านมาโดยเขากล่าวว่าเป็นการไปให้ข้อมูลกับ คตส. 30 นาที ในส่วนของเรื่องการแก้ไขสัญญาณสัมปทาน ซึ่งมีขั้นตอนการแก้ไขกันอย่างไร นอกจากนี้ในที่ประชุมยังถามถึงการรายละเอียดเกี่ยวกับที่ตนได้เขียนเรื่องการแก้ไขสัญญาสัปทานดังกล่าวในหนังสือ"รู้ทันทักษิณ"ด้วยว่ามีเนื้อหาเป็นอย่างไรบ้างและรายงานวิจัยสาธารณะของทีดีอาร์ไอในเรื่องเหล่านี้ว่ามีเนื้อหาอย่างไร ซึ่งมั่นใจว่าข้อมูลที่นำมาให้ คตส.จะเป็นข้อมูลในการพิจารณาของคตส.ได้ อย่างไรก็ตามหาก คตส.ยังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็ยินดีที่จะไปให้ข้อมูลคตส.อีกครั้ง