สภาล่ม ! ชัยสั่งปิดประชุม เลื่อนลงมติ5เม.ย.

สภาเลื่อนการพิจารณา"กรอบ เจบีซี" รอให้ศาล รธน.ตีความก่อนว่าเข้าข่าย ม.190 หรือไม่

รัฐสภา นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมร่วมรัฐสภา เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ว่า หลังจากที่ตนและ ส.ส.จำนวนหนึ่งยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้วินิจฉัยว่าบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี)ไทย-กัมพูชา 3 ฉบับว่าเข้าข่ายเป็นสนธิสัญญา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 หรือไม่ เมื่อปลายปี 2553 ขณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้มีหนังสือถึงรัฐสภาแจ้งว่ารับพิจารณาเรื่องดังกล่าว ตนคิดว่าคงใช้เวลาไม่นาน

อย่างไรก็ตาม การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่มีผลต่อการลงมติของที่ประชุมร่วมรัฐสภาในวันนี้ (29 มี.ค.)
 
เพราะเป็นเพียงการรับทราบรายงานบันทึกผลการประชุมเจบีซี หลังจากที่ให้คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาไปเท่านั้น แต่ไม่ใช่การลงมติรับรองหรือเห็นชอบผลประชุมดังกล่าว ซึ่งถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าบันทึกผลประชุมเจบีซีไม่เข้าข่ายเป็นสนธิสัญญาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 คณะกรรมการเจบีซีไทย-กัมพูชา สามารถเดินหน้าทำงานต่อได้เลย แต่ถ้าบันทึกผลประชุมนี้เข้าข่าย ก็ต้องนำกลับเข้าสู่รัฐสภาเพื่อให้การรับรองหรือให้ความเห็นชอบ

ต่อมาเมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา กล่าวว่า การพิจารณากรอบเจบีซีต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อน ไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นปัญหา ว่าเข้าข่ายมาตรา 190 หรือไม่

จากนั้นเวลา 13.40 น. นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาทำหน้าที่ประธานประชุม ได้สั่งปิดอภิปราย และให้ลงมติรับทราบข้อสังเกตุของกมธ. โดยนายชัยได้สลับขึ้นทำหน้าที่ประธานประชุมทันทีและกดสัญญานเรียกสมาชิกหลายครั้ง

นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ส.ว.ชลบุรี ในฐานะเลขานุการวิปวุฒิสภา เสนอให้พักการพิจารณาไว้ก่อนจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาแล้วค่อยนำกลับมาพิจารณาใหม่

ขณะที่นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์เสนอให้พิจารณาต่อ

จากนั้นเวลา 14.10 น. นายชัยสั่งลงมติ โดยตรวจสอบองค์ประชุม ปรากฎว่ามีผู้เข้าประชุมเพียง 262 เสียงถือว่าไม่ครบองค์ประชุมเพราะขาดไป 15 เสียง นายชัยจึงสั่งเลื่อนการลงมติไปเป็นวันที่ 5 เมษายนและสั่งปิดประชุม