คม-ชัด-ลึก
สั่ง"ไอทีวี"จ่ายใน45วันรวมปรับกว่าแสนล.อัดซ้ำผิดตั้งแต่ต้นจี้ยึดทำทีวีสาธารณะ
สปน.ขีดเส้นตาย 45 วัน ไอทีวีต้องจ่ายค่าปรับรวม 100,434 ล้านบาท ยันไม่โหด อนุญาโตฯ อัดซ้ำ ผิดตั้งแต่ต้น เคยเตือนแล้วไม่ฟัง อสส.ชี้เรื่องฟ้องไอทีวีล้มละลายยังไกลตัว นักวิชาการแนะยึดคืนรัฐทำเป็นทีวีสาธารณะ พร้อมปลดผู้บริหารออก พนักงานไอทีวีออกแถลงการณ์ ให้คำนึงถึงเจตนารมณ์ของการก่อตั้งสถานี
ภายหลังศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง ให้บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ ไอทีวี ต้องจ่ายค่าสัมปทานย้อนหลังและค่าปรับกรณีปรับผังรายการที่เปลี่ยนแปลงไปจากสัญญาเดิม ที่มากถึง 9.7 หมื่นล้านบาท ให้แก่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ที่ผ่านมานั้น
เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 14 ธันวาคม นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) แถลงถึงกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการที่มีผลให้ไอทีวีต้องปฏิบัติตามสัญญาสัมปทานเดิมว่า คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดหมายความว่า คำสั่งของอนุญาโตตุลาการไม่มีตั้งแต่ต้น เมื่อเป็นเช่นนี้ สปน.ในฐานะคู่สัญญาจำเป็นต้องดำเนินการตามคำพิพากษา และจะแจ้งไปยังไอทีวี ให้ปรับผังรายการตามคำพิพากษา และจะดำเนินการเรียกค่าสัมปทานค้างจ่าย 2,210 ล้านบาท โดยตัวเลขดังกล่าวยังไม่รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ซึ่งดอกเบี้ยทั้งหมดเป็นเงินกว่า 464 ล้านบาท นั่นหมายความว่า ไอทีวียังมีค่าสัมปทานค้างจ่าย 2,674 ล้านบาท ที่เป็นไปตามสัญญาข้อ 5 วรรคสอง โดยไอทีวีจะต้องชำระภายใน 45 วัน
นายจุลยุทธ กล่าวว่า นอกจากนี้ สปน.ยังจะดำเนินการเรียกค่าปรับกรณีผิดสัญญาสัมปทานผังรายการไม่เป็นไปตามสัญญา โดยตามสัญญาข้อ 11 วรรคสอง จะต้องจ่ายค่าปรับในอัตราร้อยละ 10 ของค่าตอบแทน คิดเป็นรายวัน ซึ่ง สปน.ได้ทำหนังสือไปยังไอทีวี เพื่อให้จ่ายค่าปรับเป็นเงินกว่า 97,760 ล้านบาท โดยคิดตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2547 ซึ่งเป็นวันแรกที่ไอทีวีปรับผังรายการ ถึงวันที่ 13 ธันวาคม 2549 ซึ่งจะต้องชำระภายใน 45 วัน ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ สปน.มีหนังสือไปถึงไอทีวี
หากครบกำหนดแล้วไอทีวียังไม่ชำระตามกำหนด สปน.จะทำหนังสือเตือนเป็นครั้งที่ 2 ถ้าหากยังไม่ชำระภายในเวลาที่กำหนดถือว่าผิดสัญญา ขณะเดียวกันในเมื่อศาลปกครองมีคำชี้ขาดเป็นที่สิ้นสุด สปน.ในฐานะคู่สัญญาจะทำรายงานตัวเลขต่างๆ ทั้งหมดไปยังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 19 ธันวาคมนี้ ส่วน ครม.จะยกเลิกสัมปทาน หรือจะตัดสินใจอย่างไร ก็เป็นอำนาจของ ครม. นายจุลยุทธ กล่าว
นายจุลยุทธ กล่าวอีกว่า ตัวเลขค่าปรับนั้น ขณะนี้ยังอยู่ในการพิจารณาของอัยการสูงสุด (อสส.) หลังจากที่ สปน.ส่งเรื่องนี้ไปตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เพราะอัยการสูงสุดเป็นผู้ดำเนินคดีแทนรัฐบาลทั้งหมด ซึ่งหากพิจารณาแล้วเสร็จ อสส.จะแจ้งกลับมา และ สปน.จะยืนยันกลับไป เพื่อให้ฟ้องทางแพ่งทันที
"สิ่งที่น่ากังวลคือ เหลืออายุความเพียง 6 เดือน เราจำเป็นต้องรีบดำเนินการเพราะหากไม่รีบดำเนินการ ทุกอย่างที่ดำเนินมาจะถือว่าเป็นโมฆะ และ สปน.จะไม่สามารถส่งฟ้องศาลได้อีก มีทางเดียวคือ ต้องเอาผิดกับเจ้าหน้าที่พนักงานที่ทำให้คดีขาดอายุความ" นายจุลยุทธ กล่าว