นิติภูมิ แฉ แม้ว บัดสีกลางเม็กซิโก

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 13 มีนาคม 2549 23:47 น.

นิติภูมิ ทึ่งพลังประชาชน ยอมรับประชาธิปไตยของไทยพัฒนาไปอีกขั้น ประชาชนพร้อมลุกฮือขับไล่ผู้นำเลว ส่งสัญญาณให้ต่างชาติรับรู้ว่าประเทศไทยต้องการความโปร่งใส เชื่อในระยะยาวนักลงทุนจะมั่นใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น ยกกรณีต่างประเทศถ้าประชาชนจับได้ว่าโกง ไม่ต้องออกมาไล่เขาก็แสดงสปิริตแล้ว

ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ นักจัดรายการเปิดเลนส์ส่องโลก เปิดเผยก่อนขึ้นเวทีปราศรัยในเวลา 23.30 น.ว่า ได้เดินทางมาถึงบริเวณชุมนุมประมาณ 22.00 น. ดูประชาชนที่มาชุมนุมที่สนามหลวงแล้วรู้สึกภูมิใจมากที่ประชาชนคนไทยได้ออกมาปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ

ทั้งนี้ การชุมนุมในครั้งนี้เป็นเรื่องราวโด่งดังไปทั่วโลก คนทั่วโลกกำลังจับตามอง แน่นอนว่าในระยะสั้นเศรษฐกิจของประเทศอาจสะดุด แต่ถ้ามองในระยะยาวแล้ว เศรษฐกิจไทยจะแข็งแกร่งมาก เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกได้เห็นแล้วว่าประเทศไทยมีความโปร่งใส

การชุมนุมของประชาชนในครั้งนี้ได้สะท้อนให้ชาวโลกรู้ว่า เมื่อใดก็ตามที่นักการเมืองเข้ามาทุจริตคอร์รัปชัน คนนั้นต้องเตรียมตัวที่จะถูกประชาชนขับไล่ ซึ่งตรงจุดนี้เองจะทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นในความโปร่งใสของไทยแล้วเข้ามาลงทุนมากขึ้น

ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ กล่าวอีกว่า ประชาธิปไตยของไทยได้พัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง ประชาชนได้เข้ามามีส่วนในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ และมีความพร้อมในการขับไล่ผู้นำที่เลว ซึ่งถ้าในต่างประเทศไม่จำเป็นต้องมีประชาชนมาขับไล่มากเท่านี้ ถ้าเขาถูกประชาชนจับได้เขาก็ถอนตัวออกไปแล้ว

อะไรเกิดขึ้นกับผู้นำในประเทศไทย ประชาชนจับได้คาหนังคาเขา และประชาชนจับได้ว่าโกหกคาหน้าจอทีวี ยังคงอยู่ในตำแหน่ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่น่าเกิดขึ้นกับผู้นำของไทย

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 14 มีนาคม 2549 00:50 น.

นิติภูมิ ระบุภาพลักษณ์ไทยในสายตาต่างชาติเลวร้ายลงจากเหตุการณ์ภาคใต้ ต้นตอจากการตัดสินใจแก้ปัญหาผิดพลาดของ ทักษิณ ชี้เอฟทีเอไทยออสเตรเลีย เอื้อประโยชน์เฉพาะกลุ่มคนรวย ส่วนเกษตรกรไทยตายทั้งเป็น แฉข้อมูลลับ แอบเจรจาลับหาประโยชน์ส่วนตัวระหว่างร่วมประชุมนานาชาติ

ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ นักจัดรายการเปิดเลนส์ส่องโลก กล่าวบนเวทีท้องสนามหลวงว่า มีคนเตือนตนว่าอย่าขึ้นเวทีนี้เลย เพราะจะมีผลกระทบต่อหน้าที่การงาน แต่ได้ตอบกลับไปว่าถึงตนจะเดือดร้อนโดยหิวคนเดียว แต่หากให้คนอีก 60 ล้านคนอิ่มก็คุ้ม

ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ซึ่งจะเดินทางไปที่ทำเนียบจะขอยืนอยู่แถวหน้า ร่วมต่อสู้ให้ประเทศออกจากระบอบทักษิณให้ได้

ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ เล่าต่อว่า จากประสบการณ์เดินทางไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ที่ผ่านมาประเทศไทยจะได้รับเกียรติมาตลอด กระทั่งในยุคนี้เมื่อปี 2547 เดินทางไปประเทศเล็กๆ แห่งหนึ่ง ได้เรียกแท็กซี่ซึ่งคนขับถามว่าคุณมาจากประเทศใด เมื่อตอบว่าเป็นคนไทยเขาก็บอกว่าประเทศไทยเป็นประเทศโคตรอันตราย แสดงให้เห็นว่าภาพลักษณ์ของประเทศไทย จากสถานการณ์ภาคใต้ เป็นที่หวั่นเกรงของชาวต่างชาติ ซึ่งสาเหตุของปัญหามาจากการตัดสินใจผิดของใครบางคน ที่ตอนเกิดมาพ่อแม่คงลืมใส่สมองมาด้วย แทนที่นำพาประเทศอยู่ตรงกลาง แต่กลับห่วงประโยชน์ เอียงไปสู่จุดที่ก่อให้เกิดปัญหานานาประการตามมา

ทั้งที่ตัวเองเป็นต้นตอปัญหา แต่กลับไม่กล้าตอบปัญหา ผมเกิดมาอายุเท่านี้ไม่เคยเห็นใครกลับกลอกเท่ากับนายกฯ ของประเทศไทยมาก่อน

นอกจากนั้น การลงนามเอฟทีเอกับประเทศออสเตรเลีย จากการพูดคุยกับชาวออสเตรเลียในหลากหลายอาชีพ ทุกคนรู้ข้อมูลรายละเอียดเอฟทีเอไทยออสเตรเลียเป็นอย่างดี แต่เมื่อกลับมาที่เมืองไทย รัฐบาลไทยไม่เคยบอกประชาชนเลย แอบไปทำกันเอง ซึ่งข้อตกลงทำให้คนรวยไม่กี่คนได้ประโยชน์ ในขณะที่คนที่ตายคือเกษตรกรไทย

ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ กล่าวต่อว่า มีข้อมูลเล่ากันว่ามีนายกฯ ของประเทศหนึ่งเดินทางไปร่วมประชุมเอเปคที่ประเทศเม็กซิโก สถานที่ประชุมคือเมืองลอสคาบอส แต่นายกฯ คนดังกล่าว กลับไปลงที่กรุงเม็กซิโกซิตี้ เพื่ออ้อนวอนขอเข้าพบนายวินเซนเต ฟอกซ์ ประธานาธิบดีเม็กซิโกและขอขึ้นเครื่องบินไปยังเมืองลอสลาบอสด้วยกัน จนในที่สุดได้เดินทางไปด้วยกัน ซึ่งประธานาธิบดีฟอกซ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า การเดินทางครั้งนั้นไม่มีความสุขเลย เพราะนายกฯ คนนั้นพยายามแต่จะมาพูดคุย เพื่อหาช่องทางทำกินด้านโทรคมนาคมในประเทศเม็กซิโก แต่ได้ตอบปฏิเสธไป ดังนั้นจะเห็นว่า แทนที่นายกฯ จะไปประชุมเพื่อประโยชน์ของชาติ กลับใช้การเดินทางเป็นช่องทางหาประโยชน์ของตัวเอง

นอกจากนั้น หลังจากเครื่องลงจอดแล้ว นายกฯ คนนั้นต้องแอบลง หลังจากที่ประธานาธิบดีฟอกซ์และคณะออกไปแล้ว เพื่อหลบสายตาผู้คน ซึ่งผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์ครั้งนั้นเล่าให้ฟังว่า คนที่แอบเดินลงจากเครื่องมาเป็นคนแรก คือนายพานทองแท้ ด้วยอาการเมา เหล่านี้ทำให้รู้ว่านายกฯ ของไทยไปทำชั่วที่ประเทศเม็กซิโก จึงไม่ต้องการคนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ มาเป็นผู้นำของพวกเราอีกแล้ว