ตู่เย้ยกรรมตามทันอภิสิทธิ์โดนตามราวี

หดอภิปรายเหลือ 3 วัน 

"เทพเทือก" หนักใจ นายกฯ ถูกตามราวี ตะโกนด่า-ชูป้ายประท้วง ภาพไม่สวย "จตุพร" เยาะกรรมตามทันแล้ว ชี้ญาติเสื้อแดงแค้น ไม่แปลกโดนเอาคืน ย้ำเจอกันในเวทีอภิปรายแน่ กางหลักฐานสู้เผาเซ็นทรัลเวิลด์ "เดอะโจ้" นัดสื่อลงพื้นที่ตรวจบุหรี่ดังในดิวตี้ฟรี ขย่มซ้ำเปิดแผลภาษีบุหรี่สับรัฐบาลน่วม บอกใบ้รูปลักษณ์ “เสี่ย ก.” รอรับคำท้าหาก ปชป. ขู่ฟ้องกลับ “ประเกียรติ” มั่นใจเอกสารราชการมัดนายกฯ อยู่หมัด “เกียรติ” ลั่นจัดการพวกจับแพะชนแกะ โต้ทำงานตามหน้าที่ไม่เคยไปวิ่งเต้น

“ธาริต” ออกตัวไม่เคยเตะถ่วงว่าตามเนื้อผ้า รอทำความเห็นแย้ง “ปู่ชัย” หั่นวันอภิปราย หดเหลือ 3 วัน บวกลงมติ 1 วัน “เพื่อไทย” สวดยับ แผนอุ้ม ภท. รอดเขียง “เด็จพี่” โวยไม่รักษาคำพูด ชี้ให้เห็นรัฐบาลก้นร้อน ศาลฯให้ประกันอีก 3 แดง ส่วนวันเลือกตั้ง “สดศรี” เผยรอนายกฯตัดสินใจ กังวลกฎหมายลูกทำไม่ครบเกรงมีปัญหาภายหลัง 

ตร.เคลียร์ทางเข้าทำเนียบ 
    
เมื่อวันที่ 7 มี.ค. เวลา 07.45 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาถึงทำเนียบรัฐบาล โดยขบวนรถยนต์ของนายกรัฐมนตรีเข้าทางด้านสะพานชมัยมรุเชฐ ประตู 1 ด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้าเป็นครั้งแรก หลังจากที่ต้องเดินทางเข้า-ออกบริเวณสะพานอรทัยมากว่า 1 เดือน เนื่องจากเครือข่ายกลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติและกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย  (พธม.)ปักหลักชุมนุมปิดล้อมทำเนียบฯ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเจรจาได้ขอคืนพื้นที่จนสำเร็จ ทั้งนี้ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการนั้นได้มีการส่งเสียงดังและเสียงโห่ร้องของผู้ชุมนุมเป็นระยะ ๆ 
    
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายกฯ เดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อไปปฏิบัติภารกิจที่ตึกสันติไมตรีก็ได้หันไปมองครู่หนึ่งก่อนที่ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ โดยในเวลา 08.00 น. นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย พร้อมด้วยนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี และประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และคณะเข้าพบที่ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี    

หดเหลือ3วันไม่ไว้วางใจ
    
ที่รัฐสภา นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า ขณะนี้สภาผู้แทนราษฎรได้บรรจุระเบียบวาระญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเรียบร้อยแล้ว คือ ระหว่างวันที่ 15-17 มี.ค.นี้ และลงมติในวันที่ 18 มี.ค.นี้ ซึ่งตนได้รายงานให้นายกฯรับทราบแล้ว
    
รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ แจ้งว่า สาเหตุที่ทำให้รัฐบาลตัดสินใจยุบสภาในช่วงเดือน มิ.ย.เป็นเพราะได้ประเมินแล้วว่า หลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้ว รัฐบาลจำเป็นต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน จากข้อกล่าวหาของฝ่ายค้าน ประกอบกับจำเป็นต้องเร่งแก้ปัญหาเรื่องสินค้าแพง ทั้งน้ำมันปาล์ม น้ำตาล เป็นต้น เนื่องจากเป็นปัญหาที่กระทบต่อฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์อย่างมาก จึงคาดว่าน่าจะมีการยุบสภาในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ แล้วให้รัฐบาลรักษาการ 2 เดือน แล้วกลับเข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะตรงกับช่วงเวลาในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2555

สวด“ชัย”หั่นเวลาอุ้มภท.
    
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่นายชัย ระบุว่า บรรจุวาระอภิปรายไม่ไว้วางใจระหว่างวันที่ 15-17 มี.ค. และนัดลงมติวันที่ 18 มี.ค.ว่า จากการที่คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล  (วิปรัฐบาล) และคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) เคยหารือกัน และได้แถลงข่าวร่วมกันแล้วว่าจะใช้เวลาอภิปราย 4 วัน โหวต 1 วัน วันนี้เราได้เห็นธาตุแท้ของฝั่งรัฐบาล โดยเฉพาะวิปรัฐบาล และธาตุแท้ของประธานรัฐสภาที่กลับคำ เหมือนไม่ยึดคำมั่นสัญญาที่วิปสองฝ่ายหารือกัน อยากให้นายชัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ทบทวนสิ่งที่วิปได้เคยมีมติร่วมกัน 
    
นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยได้จัดตัวบุคคลและแบ่งหมวดหมู่เรื่องอภิปราย เป็นเรื่องการทุจริต การสลายการชุมนุม และการบริหารราชการแผ่นดินที่ล้มเหลว ในการประชุมพรรควันที่ 8 มี.ค.จะมีความชัดเจน เดิมที่เราขอไว้ 4 วัน มันเป็นสัญญาประชาคมไปแล้ว การที่นายชัยมาแก้ น่าจะเป็นเกมตุกติกในฝั่งรัฐบาล โดยอาจไม่ให้อภิปรายถึงรัฐมนตรีภูมิใจไทยหรือไม่ อย่างในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา กำหนดวันไว้น้อย จึงอภิปรายประเด็นเศรษฐกิจไม่ทัน ตนแปลกใจกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รอง นายกฯ ที่บอกว่า ยินดีให้ 10 วัน 10 คืนก็ได้ แต่นี่ก็กลืนน้ำลายแล้ว แค่ 4 วันก็ไม่ให้ นายชัยควรจะลาออกไปเลี้ยงหลาน เพราะเรื่องวันอภิปรายเขาตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ทำอย่างนี้ไม่ถูก

ขย่มซ้ำบุกเปิดแผลบุหรี่
    
ขณะที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า จากที่นายกฯยังไม่ชี้แจงกรณีที่ฝ่ายค้านเปิดประเด็นว่านายกฯให้คนใกล้ชิดแทรกแซงการทำงานของอัยการ จนทำให้อัยการสั่งไม่ฟ้องในคดีภาษีบุหรี่ 6.8 หมื่นล้านบาทนั้น ทำให้คณะทำงานรวบรวมข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องนี้ ที่มีนายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน จะเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งจากที่คณะทำงานไปตรวจสอบราคาบุหรี่ บุหรี่นำเข้าที่ขายในประเทศไทย จะมีแสตมป์ ซึ่งยี่ห้อดังที่มีปัญหาจำหน่ายเพียงซองละ 80 บาท ขณะที่บุหรี่ต่างประเทศอื่นจำหน่ายในราคาซองละ 100 บาท ที่แพงกว่า เพราะเขาแจ้งต้นทุนนำเข้าสูงกว่า แต่ราคาในต่างประเทศยังพบว่ายี่ห้อดังที่มีปัญหา จะแพงกว่ารายอื่นเสมอ
    
นายยุทธพงศ์ ยังระบุว่า ทั้งนี้ ในประเทศไทยบริษัทที่นำเข้ายี่ห้อดังกล่าว แจ้งนำเข้าในราคาต้นทุนซองละ 7.76 บาท แต่ขายให้ผู้ประกอบการร้านปลอดภาษีซองละ 28 บาท ผลต่างตรงนี้ กรมสรรพสามิต ได้คำนวณจนได้ค่าภาษีถึง 6.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งถ้าจะไปซื้อบุหรี่ยี่ห้อดังกล่าวในห้างปลอดภาษีในประเทศไทยจะไม่มีขาย ซึ่งในวันที่ 8 มี.ค.เวลา 13.30 น. พรรคเพื่อไทย จะนำสื่อไปลงพื้นที่ที่ห้างดิวตี้ฟรี คิงเพาเวอร์ ถนนรางน้ำ ว่าสถานการณ์การขายเป็นอย่างไร

บอกใบ้รูปลักษณ์“เสี่ยก.”
    
นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า กรณีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องบริษัทบุหรี่นั้น พรรคเพื่อไทยขอตั้งข้อสังเกตว่า เกิดขึ้นหลังจากนายกฯ ให้กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต กรมสรรพากร สำนักงานอัยการสูงสุด กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ดีเอสไอประชุมร่วมกับผู้แทนการค้าไทย ซึ่งอัยการในคณะทำงานสั่งไม่ฟ้อง มี 2 คน เคยเป็นพนักงานสอบสวนคดีนี้ร่วมกับดีเอสไอ และเคยมีคำสั่งให้ฟ้อง นี่คือข้อสังเกตที่พรรคเพื่อไทยตั้งไว้ ทางนายกฯให้ลูกน้องมาปฏิเสธว่า นายกฯไม่รู้เรื่อง แต่หนังสือที่พรรคเพื่อไทยเปิดเผยไปนั้น เป็นหนังสือราชการของสำนักเลขาธิการนายกฯ ซึ่งตามระเบียบ งานสารบัญ งานเชิญประชุม คนเซ็นหนังสือคือเลขาธิการนายกฯ 
    
นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า โดยขั้นตอน ผู้แทนการค้าไทยต้องมีบันทึกภายในถึงนายกฯ ว่าต้องการเชิญใครมาประชุม ถ้านายกฯเห็นชอบ ก็บอกเลขาฯให้เชิญตามที่สำนักงานผู้แทนการค้าไทยมีบันทึกมา ดังนั้น จะปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่ได้สั่งให้หน่วยงานต่าง ๆ มาประชุม นอกจากนี้ที่ นพ.บุรณัชย์ สมุทรรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า จะฟ้องพรรคเพื่อไทยนั้น ตนยินดีรับคำท้า พร้อมไปแฉที่ศาล ที่ นพ.บุรณัชย์บอกว่า ไม่รู้จักเสี่ย ก. ก็ใบ้ให้ว่า เป็นคนผมขาว มีเครา ไม่รู้อีกไปถามนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ส่วนเหตุผลที่อัยการสั่งไม่ฟ้องนั้น เราจะเปิดเผยในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ   

คาดดิ้นยากเอกสารมัด
    
นายประเกียรติ กล่าวว่า การที่อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนี้ตามหนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ที่อส.0022.4/35 ลงวันที่ 13 ม.ค.54 นั้นมีปัญหาอยู่ เพราะการทำการสอบสวนของพนักงานสอบสวนในดีเอสไอ ปกติการสอบสวนคดีประเภทนี้จะมีอัยการไปร่วมสอบด้วย เดิมพนักงานสอบสวนได้สั่งฟ้องไปตามหนังสือกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ ยธ.0800/พ.16 ลงวันที่ 2 ก.ย. 52 แต่ในการพิจารณาสั่งไม่ฟ้อง มีอัยการ 2 คนที่เคยเป็นพนักงานสอบสวนอยู่ด้วย ซึ่งเมื่อได้รับหนังสือจากสำนักเลขาธิการนายกฯว่า ถ้าสั่งฟ้องจะเสียภาพลักษณ์ประเทศ ก็สั่งไม่ฟ้อง กลายเป็นความขัดแย้งของคนทำงาน ปัญหาจริงมีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอเมริกาแต่ในความสัมพันธ์กัน ควรจะว่ากันบนพื้นฐานของความถูกต้องซึ่งเรื่องนี้จะนำไปอภิปรายแน่นอน 

นายประเกียรติ กล่าวต่อว่า ในรัฐบาลชุดนี้ ตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่มี คณะกรรมการปราบปรามทุจริตภาครัฐก็ยังหาคนไม่ได้ รัฐบาลนี้ไม่สนใจในการหาเครื่องปราบทุจริต อยากฝากบอกไปถึงนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังว่า ยังมีเรื่องอื่นที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลังมากกว่าการโกงภาษีสรรพากร ศุลกากร สรรพสามิต นายกรณ์อย่าเพิ่งสบายใจว่า ตอบเรื่องนี้ได้ มีปัญหาอื่นอีกเยอะ ทั้งนี้เชื่อว่า ถ้าคดีนี้ไม่มีการแทรกแซง อัยการคงไม่สั่งต่างไปจากคำสั่งดีเอสไอ

“ธาริต”ยันไม่เตะถ่วงคดี
    
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดีที่ผู้บริหารบริษัทบุหรี่ต่างชาติ 14 คน เป็นผู้ต้องหาคดีแสดงราคานำเข้าบุหรี่จากประเทศฟิลิปปินส์ ต่ำกว่าปกติ เพื่อชำระภาษีบุหรี่ต่อกรมสรรพสามิตที่น้อยกว่าความเป็นจริง ทำให้รัฐเสียหายกว่า 68,000 ล้านบาท กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 และพ.ร.บ.ยาสูบ พ.ศ. 2509 ว่า ภายหลังจากที่ทางพนักงานอัยการพิเศษมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ก็ได้ส่งสำนวนความเห็นกลับมายังดีเอสไอเมื่อประมาณปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้น.ส.พรทิพย์  ล.วีระพรรค หัวหน้ากลุ่มงานความเห็นแย้ง วิเคราะห์ว่าจะมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องเช่นเดียวกับพนักงานอัยการพิเศษหรือไม่
    
นายธาริต กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่มีการเตะถ่วงคดีปกติจะใช้เวลาตรวจสอบไม่ต่ำกว่า 2-3 เดือน ก่อนทำความเห็นแย้ง หากผลสรุปของกลุ่มงานความเห็นแย้ง มีความเห็นสมควรสั่งไม่ฟ้องคดีก็จะถือเป็นอันยุติ แต่หากดีเอสไอมีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง ก็จะต้องส่งความเห็นแย้งให้กับนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด เป็นผู้พิจารณาชี้ขาด ยืนยันว่าที่ผ่านมาการพิจารณาสำนวนคดีภาษีบุหรี่ไม่เคยมีข้อสั่งการหรือใบสั่งจากฝ่ายการเมือง มีเพียงการเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งนายเกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทย เป็นผู้ชี้แจงต่อที่ประชุม หน้าที่ของตนขณะนี้คือจะต้องนำสำนวนคดีที่พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตอธิบดีดีเอสไอมีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง และความเห็นสั่งไม่ฟ้องของอัยการคดีพิเศษมาพิจารณา

“เกียรติ”โต้พท.ไม่วิ่งเต้น
    
ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 14.00 น. นายเกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทย 
(ทีทีอาร์) เปิดแถลงข่าวถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านระบุถึง “เสี่ย ก” คนใกล้ชิดนายกฯที่ทำงานอยู่ในทำเนียบรัฐบาลวิ่งเต้นล็อบบี้เพื่อล้มคดีของบริษัทเอกชนกรณีการเสียภาษีบุหรี่ไม่ครบถ้วน จนทำให้รัฐเสียประโยชน์ 68,881 ล้านบาทว่า แม้ว่าคนพูดจะพูดเฉียดฉิวไม่ได้เอ่ยชื่อที่ชัดเจน แต่ในฐานะที่มีชื่อย่อ ก. ที่ใกล้ชิดนายกฯและทำงานอยู่ในทำเนียบรัฐบาล แม้จะไม่ใช่เสี่ยและไม่ใช่นักล็อบบี้ยิสต์ ก็ขอยืนยันว่าใครพูดอะไรก็ต้องรับผิดชอบ รายละเอียดของเรื่องนี้ในเมื่อพรรคฝ่ายค้านได้ยื่นเป็นญัตติเพื่ออภิปรายนายกฯก็จะเป็นผู้ชี้แจงในสภาต่อไป 
    
นายเกียรติ กล่าวว่า เรื่องการนำประเด็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับองค์การการค้าโลกหรือดับเบิ้ลยูทีโอมาพิจารณานั้นยืนยันว่าเป็นหน้าที่โดยตรงของผู้แทนการค้าไทย ขณะเดียวกันตนเองยังเป็นประธานคณะทำงานติดตามเรื่องทุกเรื่องที่นายกฯไปต่างประเทศหรือต่างประเทศมาเยือนไทย เพื่อให้มีความคืบหน้า เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องแรก ๆ ที่มีเอกชนมาร้องเรียนในช่วงที่นายกฯได้เดินทางไปเยือนสหรัฐ จึงถือว่าเป็นหน้าที่ของตนเองโดยตรง และนายกฯได้ย้ำไว้ชัดเจนว่าทุกเรื่องต้องทำตามกฎหมาย กฎระเบียบ กติกา ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

เล็งจัดการโยงข้อมูลมั่ว
    
“ผมไม่เข้าใจว่าผมหรือนายกฯจะเข้าไปแทรกแซงองค์กรอิสระอย่างอัยการได้อย่างไรหรือด้วยวิธีใดเพราะหน่วยงานเหล่านี้ต่างมีกฎหมายของตัวเองเป็นการเฉพาะอยู่แล้ว คนพูดจะพูดอย่างไรก็ได้ แต่ในความเป็นจริงทำไม่ได้ และที่สำคัญอัยการยังไม่เคยมีคำตัดสินใด ๆ ออกมาหลังจากได้รับความเห็นของดีเอสไอจนกระทั่งถึงเดือน ม.ค. 2554 ที่มีมติออกมาชัดเจนและได้ส่งความเห็นกลับไปยังดีเอสไอ จึงเป็นไปไม่ได้ที่ใครจะไปสั่งให้อัยการทบทวนความเห็นในปลายปี 2553” นายเกียรติ กล่าว
    
ผู้แทนการค้าไทย ยังกล่าวว่า ขอเตือนว่าอย่านำเรื่องของประเทศมาตีกินเพื่อประโยชน์ทางการเมือง เพราะหากตนเองจะตีกินเพื่อการเมืองคงทำไปตั้งแต่สมัยที่เป็นฝ่ายค้านแล้ว และไม่คิดว่านักการเมืองรุ่นใหม่ในสมัยนี้จะนำประโยชน์ของประเทศมาตีกินเพื่อการเมือง ขณะเดียวกันในการกล่าวหาเรื่องรับเงินใต้โต๊ะหรือการรับเงินในต่างประเทศ ขอให้ผู้พูดแสดงหลักฐานมาให้ชัดเจน ขอเตือนฝ่ายค้านอย่านำประเด็นมาโยงกันโดยไม่ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นผู้พูดต้องรับผิดชอบ 

นายกฯลั่นไม่แทรกแซง
    
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเปิดข้อมูลว่ามีคนใกล้ชิดชื่อย่อ “ก.” ไปวิ่งเต้นแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เป็นเหตุให้อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องเรียกภาษีจากบริษัทบุหรี่ข้ามชาติรายหนึ่ง จนรัฐสูญเสียรายได้ 6.8 หมื่นล้านบาทว่า ตนไม่มีแทรกแซงอยู่แล้ว ส่วนหนังสือเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือถึงการจัดเก็บภาษีบริษัทนำเข้าบุหรี่ดังกล่าว ที่ลงนามโดยนายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ที่ปรึกษานายกฯ ตนยังไม่เห็นหนังสือ แต่เชื่อว่าไม่เกี่ยวข้องกับการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เพราะเป็นเรื่องที่สืบเนื่องมาจากการรายงานของผู้แทนการค้าไทย  
    
เมื่อถามว่า มีชื่อนายเกียรติ สิทธีอมร ผู้แทนการค้าไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เห็นนายเกียรติบอกว่าจะให้ข่าว แต่เชื่อว่าไม่มีปัญหาอะไร ท่านก็บอกว่าทำหน้าที่ของท่านไป 

ซิวสาวใหญ่รอประท้วง
    
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เมืองทองธานี เวลา 14.30 น. ในช่วงที่นายกฯ เดินทางไปเป็นประธานในการเปิดงาน “เรียนฟรี 15 ปี เรียนดีอย่างมีคุณภาพ” ปรากฏว่าบริเวณหน้างานได้มีสาวใหญ่อายุประมาณ 45 ปี สวมเสื้อและกางเกงสีน้ำตาลอ่อนชูป้ายซึ่งเป็นกระดาษขนาด เอ 4 ข้อความต่าง ๆ ด่าทอนายกรัฐมนตรี อาทิ “กลับใจคิดใหม่ อย่าเป็นทรราชย์” หรือ “เก่งแต่แจก เก่งแต่พูด เก่งแต่ขายชาติ”, “คบคนพาล เป็นคนเลว ขายชาติ” เป็นต้น แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี เห็นเสียก่อน จึงหิ้วตัวสาวใหญ่ถึงขนาดตัวลอยออกจากบริเวณงานได้ทันเวลา ทำให้สาวใหญ่คนดังกล่าวไม่ได้ชูป้ายด่าและประชิดตัวนายกฯ
    
จากนั้น นายกฯ มาถึงจึงเข้าเป็นประธานในพิธีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการ 1 มหาวิทยาลัย 1 จังหวัด ระดับกระทรวง และเป็นประธานเปิดงาน “เรียนฟรี 15 ปี เรียนดีอย่างมีคุณภาพ” พร้อมโอนเงินสู่สถานศึกษาภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2554 จำนวน 42,000 ล้านบาท โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า นโยบายดังกล่าวถือเป็นนโยบายที่ได้รับประโยชน์และได้รับความพึงพอใจจากประชาชนมากที่สุด ในปีงบประมาณนี้รัฐบาลได้จัดสรรเงินงบประมาณ 84,200 ล้านบาท สำหรับด้านการศึกษา ซึ่งจะทำให้เด็กนักเรียนได้รับประโยชน์ถึง 13 ล้านคน ซึ่งเป็นการยืนยันและแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลต้องการให้เกิดความมั่นคงด้านการศึกษา 

หนักใจนายกฯถูกราวี
    
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่นายกฯเดินทางไปงานต่าง ๆ แล้วยังมีกลุ่มคนที่แสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยออกมานั้นจะเข้าเงื่อนไขที่นายกฯบอกว่าหากไม่เรียบร้อยก็จะไม่มีการเลือกตั้งหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หนักใจ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ที่เห็นภาพแล้วก็รู้สึกไม่ชอบใจ เพราะนายกฯเป็นคนดี ตั้งใจทำงานให้กับประเทศชาติและประชาชน ซึ่งไม่ได้ไปเกะกะระรานใคร การที่ตามไปรังควานนายกฯ
ในสถานที่ต่าง ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องของประชาธิปไตย แต่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะก่อกวน
    
เมื่อถามต่อว่าในส่วนของกกต. เองก็ห่วงว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา นายสุเทพ กล่าวว่า กกต.มีหน้าที่ดูแลการเลือกตั้ง หากพบพื้นที่ใดมีการกระทำผิดกฎหมายการเลือกตั้งหรือทำเหตุการณ์รุนแรง กฎหมายได้ให้อำนาจ กกต.สั่งยกเลิกการเลือกตั้งพื้นที่นั้นไว้แล้ว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ของบ้านเมืองทั้งทางฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องช่วยกันด้วย เมื่อถามว่าบรรยากาศการเมืองในขณะนี้เป็นห่วงหรือไม่ เพราะว่าการเลือกตั้งการปราศรัยต่าง ๆ อาจจะเกิดความรุนแรงในพื้นที่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนก็หนักใจ แต่เราต้องช่วยกันแก้ไขปัญหา และช่วยให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยให้ได้

“ตู่”ซ้ำกรรมตามนายกฯ
    
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แถลงว่า การเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะเป็นวิทยาศาสตร์ที่สุด โดยเฉพาะประเด็นสลายการชุมนุม ทุกอย่างมีหลักฐานทางราชการ และเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด ขอให้เตรียมการอย่างเต็มที่ เพราะการอภิปราย จะมีเรื่องมากกว่าเผาเซ็นทรัลเวิลด์ แต่จะรวมถึงกรณีผู้เสียชีวิต 91 ศพ ซึ่งพวกตนมีเอกสารหลักฐานในมือครบถ้วน และการเผาเซ็นทรัลเวิลด์ก็มีภาพทุกมิติ ทั้งภายนอกตึกรอบด้าน ภาพภายในจากวงจรปิด และของห้างสรรพสินค้าอื่น ๆ ซึ่งมีเรื่องน่าตั้งข้อสังเกตคือ 2 คนที่ดีเอสไอ ดำเนินการไปนั้นเป็นเหยื่อ เพราะกำลังในเซ็นทรัลเวิลด์ มีกว่า 400 คน และมีเครื่องดับเพลิงครบมือ จะหนีเด็กแค่สองคนไม่ได้
    
นายจตุพร กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนเคยเตรียมแถลงเกี่ยวกับการสลายการชุมนุมที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว แต่ถูกสกัดไว้ไม่ให้แถลง จะถูกนำมาใช้ในการอภิปรายทั้งหมด นอกจากนี้ กรณีที่นายสุเทพ แสดงท่าทีเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ สั่งคนเสื้อแดงหยุดต่อต้านนายอภิสิทธิ์ เวลาลงพื้นที่ต่าง ๆ ว่า ตนเคยเตือนนายสุเทพหลายครั้งว่า ไปไหนก็ต้องระมัดระวังตัว เพราะไม่รู้ว่า ญาติวีรชน 91 ศพ ที่เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุม และญาติผู้บาดเจ็บ 2,000 คน มีจำนวนเท่าไร ซึ่งที่ทำไปมันเป็นกรรม ยิ่งถ้าฟังอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งนายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ จะยิ่งเดินถนนยาก

หวั่นปชป.จ้องเบี่ยงเบน 
    
นายจตุพร ยังกล่าวต่อว่า สิ่งที่น่าห่วง คือสัญชาตญาณของประชาธิปัตย์ที่จะเบี่ยงเบนประเด็นความสนใจ นอกจากเรื่องการสลายการชุมนุม ยังมีเรื่องทุจริตที่หลายคนอาจนึกไม่ถึงว่า รัฐมนตรีหน้าตาดีกล้าทำ บรรยากาศจะเรียบร้อย ถ้านายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ กล้าแสดงจุดยืนก่อน พวกตนก็จะแสดงจุดยืนไม่ก่อกวน เวลานี้ถ้าใครมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าประชาชน แล้วยอมรับ ตนว่าประชาชนให้อภัย 
    
ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) บอกว่าทหารไม่ได้เผาเซ็นทรัลเวิลด์นั้น นายจตุพร กล่าวว่า ก็ขอให้ฟังอภิปรายก่อน เวลานี้ความลับทั้งหมดเกิดเพราะรัฐบาลหักหลังกองทัพ เหมือนที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กับรัฐบาลมาแฉกัน ที่มีการบอกว่าพวกตนไปตัดต่อคลิปหรือไม่นั้น ตอบว่าไม่ใช่ ตนต้องการแถลงตั้งนานแล้ว แต่ดีเอสไอปิดปากตน และตอนนี้ก็ได้ข้อมูลครบแล้ว 

“ณัฐวุฒิ”วอนช่วยแดงถูกขัง
    
ที่พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. หรือกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวถึงความคืบหน้าในการช่วยเหลือ นปช.ที่ยังถูกคุมขังอยู่ว่า ขณะนี้มีผู้ต้องขังในคดีเกิดขึ้นจากการชุมนุมเหลืออยู่ 101 คน โดยวันที่ 7 มี.ค.นี้ จะมีการยื่นประกันตัวผู้ถูกคุมขังที่ จ.อุบลราชธานี 20 คน และที่จ.อุดรธานี ซึ่งได้ยื่นประกันไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ศาลไม่อนุญาต 22 คน ก็หารือทีมทนายได้ข้อสรุปว่า เราจะยื่นประกันใหม่อีกครั้ง ภายในสัปดาห์นี้ ที่ จ.มหาสารคาม 9 คน เป็นผู้ต้องขังที่ศาลตัดสินแล้ว อยู่ระหว่างต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ เราก็จะเร่งดำเนินการยื่นประกัน 9 คนให้ได้รับอิสรภาพและต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป 
    
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า อย่างคดีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ยึดสถานีวิทยุโทรทัศน์เอ็นบีที ก็ได้รับการประกันตัวมาสู้อุทธรณ์ เราก็คาดหวังว่า ศาลจะให้ความกรุณา โดยรวม คือ ในสัปดาห์นี้จะยื่นประกันให้มากที่สุด ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ที่ผ่านมา ที่ทำได้ดีคือที่ จ.มุกดาหาร ซึ่งไม่มีผู้ต้องขังคดีการชุมนุมแล้ว

ศาลฯให้ประกันอีก3ราย
    
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ นปช.ได้ยื่นประกันตัวแนวร่วม นปช. ในคดีก่อการร้าย ที่ยังอยู่ในเรือนจำอีก 5 คน ว่า ได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวนายอำนาจ อินทโชติ และนายสมบัติ หรือผู้กองแดง มากทอง โดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 600,000 บาทนั้น

ทั้งนี้ ศาลได้มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายอำนาจและนายสมบัติ โดยตีราคาประกันคนละ 6 แสนบาท โดยศาลยังกำชับด้วยว่า ห้ามจำเลยเดินทางออกนอกประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังเหลือแนวร่วมอีก 3 คนที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพคือ นายอร่าม แสงอรุณ ลูกน้อง ของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผลหรือ เสธ.แดง อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก, นายสมพงษ์  บางชม และนายมานพ ชาญช่างทอง ซึ่งทีมทนายความจะได้ยื่นประกันตัวตามลำดับต่อไป

“สดศรี”ยังรอท่าทีนายกฯ
    
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากนายกฯที่ระบุว่าจะหารือกับกกต.เกี่ยวกับการกำหนดวันเลือกตั้งที่เหมาะสม แต่ทั้งนี้เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.แล้ว กกต.ได้เตรียมพร้อมทุกอย่าง โดยเฉพาะร่างแก้ไขพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และส.ว. ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 93-98 พร้อมกับร่างแก้ไขพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ และร่างแก้ไขพ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นกฎหมายที่เกี่ยวพันกัน 3 ฉบับที่ต้องแก้ไขให้สอดคล้อง กับรัฐธรรมนูญที่ได้มีการแก้ไขไปแล้ว 
    
นางสดศรี กล่าวว่า หากกกต.ได้หารือกับนายกฯ ก็จะต้องชี้แจงให้เข้าใจว่าแม้มาตรา 7 วรรคท้ายของรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขจะระบุว่าหากมีการยุบสภาแล้วการแก้ไขพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว.ไม่แล้วเสร็จ ให้กกต.ออกประกาศกำหนดวิธีการและหลักเกณฑ์ในการเลือกตั้งเพื่อใช้กับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นได้ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ระบุให้กกต.ออกประกาศที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองฯและการแก้ไขพ.ร.บ.ว่าด้วยกกต. และเกรงว่าหากกกต.มาใช้อำนาจตามมาตรา 7 วรรคท้ายของรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขมาออกประกาศเกี่ยวกับกฎหมายอีก 2 ฉบับก็อาจถูกโต้แย้ง และกลายเป็นปัญหา คาดว่าที่ประชุมกกต.คงจะพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับให้แล้ว
เสร็จเสนอต่อครม.ได้ในสัปดาห์หน้า 

กังวลกฎหมายลูกไม่ครบ
    
นางสดศรี กล่าวว่า หากไม่มีการแก้ไขพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง และพ.ร.บ.ว่าด้วยกกต. ก็ไม่ได้ทำให้มีปัญหากับการจัดการเลือกตั้ง แต่ทั้ง 2 ฉบับเป็นส่วนประกอบที่จะต่อเนื่องจากการเลือกตั้ง เช่น ในเรื่องการจัดสรรเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองให้กับพรรคการเมือง ที่กฎหมายปัจจุบันให้ใช้จำนวนส.ส.สัดส่วนมาเป็นหนึ่งในตัวคำนวณ ถ้าไม่แก้ไขเป็นใช้จำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ ตามรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับใหม่ การจัดสรรเงินให้กับพรรคการเมืองก็ทำไม่ได้ หรือการที่รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม กำหนดว่าหลังยุบสภาแล้วให้กรรมการบริหารพรรคการเมือง และสาขาพรรคการเมืองมีส่วนร่วมในการเสนอชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ถ้าไม่มีการแก้ไขจะมีปัญหาเรื่องขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ 
    
นางสดศรี ยังกล่าวว่า ส่วนกรณีพ.ร.บ.ว่าด้วยกกต.ที่เขียนเกี่ยวกับภาระหน้าที่ของกกต.ในการแบ่งเขตเลือกตั้ง หากไม่มีการแก้ไขให้สอดรับกับรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม กกต.ก็ต้องแบ่งเขตโดยยึดกฎหมายเดิม ดังนั้นจึงควรมีการแก้ไขกฎหมายลูกให้แล้วเสร็จก่อนจึงค่อยยุบสภา ซึ่งหากจะมีการเลือกตั้งในเดือนมิ.ย.ตามที่นายกฯระบุ การยุบสภาก็ต้องเกิดขึ้นในช่วงเดือน เม.ย. ซึ่งระยะเวลา 1 เดือนกว่าก่อนเลือกตั้งคิดว่าหากสมาชิกรัฐสภาช่วยกันผลักดันร่างกฎหมายทั้ง 3 ฉบับก็น่าจะผ่านการพิจารณา 3 วาระรวดได้ไม่ยาก

ได้ฤกษ์ล้างบัตรเหลือง
    
นายพิภพ ดำทองสุข ผู้อำนวยการบริหารงานทะเบียนได้จัดสาธิตการทำบัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ หรือบัตรสมาร์ทการ์ด กล่าวว่า ทางกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  (ไอซีที) ได้ส่งบัตรมาให้กระทรวงมหาดไทยแล้ว 3 แสนใบ โดยได้จัดส่งไปให้สำนักงานเขตและอำเภอพื้นที่ห่างไกล 200 แห่ง คาดว่าภายในสัปดาห์นี้น่าจะสามารถจัดทำบัตรได้ และภายในสัปดาห์นี้ทางกระทรวงไอซีทีจะจัดส่งบัตรมาให้อีก 7 แสนใบ รวมเป็น 1 ล้านใบ เชื่อว่าจะกระจายให้กับที่ทำการเขตต่าง ๆ ทั่วประเทศภายใน 2 สัปดาห์นี้ ผู้ที่ใช้บัตรเหลืองอยู่ประมาณ 4 ล้านใบนั้นจะสามารถได้รับบัตรสมาร์ทการ์ดทั้งหมดภายในเดือนพ.ค. โดยได้ย้ำกับเจ้าหน้าที่ว่าให้เร่งทำบัตรให้กับผู้
ถือบัตรเหลืองก่อน   

รายงานข่าวจากกรมการปกครองแจ้งว่า แม้ปัญหาเรื่องบัตรประจำตัวประชาชนสมาร์ทการ์ดจะมีการแก้ไข จนสามารถทยอยแจกจ่ายบัตรสมาร์ทการ์ดได้แล้ว แต่อาจจะพบปัญหาในขั้นตอนที่ประชาชนมารับบัตร เพราะยังต้องรอเช็กสภาพเครื่องคอมพิวเตอร์ในการออกบัตร เนื่องจากส่วนใหญ่อยู่ในขั้นเสื่อมสภาพ เนื่องจากต้องรอความชัดเจนของโครงการเช่าระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์จัดทำระบบให้บริการประชาชนด้านการทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนแบบใหม่ ของกรมการปกครองมูลค่า 3,490 ล้านบาท ที่ขณะนี้ผู้ชนะการประมูล ยื่นเรื่องต่อศาลปกครองให้ทุเลาคำสั่งของอธิบดีกรมการปกครอง ที่เจรจาขอยกเลิกสัญญาเช่าตามคำสั่งของนายกฯเพื่อให้ดำเนินการติดตั้งได้

ร้องอังกฤษสอบสัญชาติ

วันเดียวกัน ที่บริเวณหน้าสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ถนนเพลินจิต เวลา 10.00 น. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ผ่านทางสถานทูตอังกฤษฯ เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ซึ่งเกิดที่เมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ และได้รับสัญชาติอังกฤษ เคยใช้สิทธิประโยชน์จากการถือสัญชาติอังกฤษในเรื่องการเดินทางเข้า-ออกประเทศอังกฤษโดยไม่ต้องขอวีซ่าหรือไม่ รวมทั้งให้ตรวจสอบเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการขอสิทธิทางการศึกษาด้วยหรือไม่ โดยขอเร่งรัดให้ตรวจสอบภายใน 15 วัน ทั้งนี้ ทางสถานทูตอังกฤษได้ส่งตัวแทนมารับเรื่องเอาไว้



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์