นายกฯหนุนรักษาจุดแข็งท่องเที่ยวเน้นรายได้

“อภิสิทธิ์” หนุนรักษาจุดแข็งท่องเที่ยวไทย ดันท่องเที่ยวโตต่อเนื่อง แนะเน้นเพิ่มรายได้ท่องเที่ยวมากกว่าคน

วันนี้  2 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงาน  ที่โรงแรมโฟร์วิงส์ ศรีนครินทร์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยในการปาฐกถาพิเศษเรื่อง อนาคตการท่องเที่ยวไทย…ในทศวรรษหน้า ภายในงานสัมมนาซึ่งจัดโดยสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย(สสทท.) ว่า ภาคการท่องเที่ยวมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างรายได้ ให้คนไทย และมีความสำคัญในแง่สังคมด้วย เพราะการท่องเที่ยวทำให้เกิดธุรกิจต่อเนื่อง ซึ่งโยงไปถึงคนในชุมชน จึงช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้

ทั้งนี้ในช่วงหลังการท่องเที่ยวเผชิญวิกฤติมาก ทั้งจากปัญหาเศรษฐกิจ และการเมืองในประเทศ แต่ก็ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาถึง 15.8 ล้านคน สร้างรายได้ 585,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติสูงสุด ส่วนหนึ่งเป็นผลจากจุดแข็งที่ไทยมี คือ คนไทยได้สร้างความประทับใจให้ชาวโลกไว้มาก ด้านอัธยาศัยไมตรีที่ดี นอกจากนี้ไทยยังมีธรรมชาติสวยงาม และประเพณีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ โดยหากไทยยังรักษาจุดแข็งเหล่านี้ไว้ได้ ต่อไปอีก 10 ปีข้างหน้า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติก็น่าจะเพิ่มได้กว่านี้เท่าตัว ส่วนรายได้ก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถึงแม้ตัวเลขด้านการท่องเที่ยวที่ออกมาจะแสดงความแข็งแกร่งของการท่องเที่ยวไทย แต่ไทยยังประมาทไม่ได้ จะต้องคิดต้นแนวทางที่จะทำให้การท่องเที่ยวก้าวไปข้างหน้าอีก โดยเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ไม่กินทุนที่มี ที่บรรพบุรุษสั่งสมมามากเกินไป โดยควรเน้นด้านการเพิ่มคุณภาพการท่องเที่ยว เพิ่มการใช้จ่ายต่อคนของนักท่องเที่ยวที่เข้ามา มากกว่าเน้นที่ปริมาณนักท่องเที่ยว รวมทั้งแก้ปัญหาที่มีในระบบ ส่งเสริมการท่องเที่ยวชัดเจนขึ้น ภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว ได้แก่ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว, ฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวเสื่อมโทรม

การพัฒนาสินค้าและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น การสร้างบุคลากรใหม่ๆ รองรับกรท่องเที่ยวในอนาคต ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใกล้ชิดกับสถาบันการศึกษา เพื่อให้ผู้ประกอบการระบุความต้องการบุคลากร ส่วนสถาบันการศึกษาจะได้ผลิตบุคลากรได้ตรงความต้องการ ลดปัญหาขาดแคลนแรงงาน, การมุ่งเน้นสร้างจิตสำนึก สอดส่องดูแล กำจัดบุคคลในอาชีพที่ประกอบอาชีพแบบไม่ซื่อสัตย์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์โดยรวม ทำให้ผู้ประกอบการที่ประกอบอาชีพอย่างซื่อสัตย์เดือดร้อนได้ และสุดท้ายเน้นเรื่องการมีส่วนร่วมของรัฐ ประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งจะทำให้การท่องเที่ยวเกิดความยั่งยืนได้.