มาตราฐานสากล อยู่ตรงไหน???

ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตั้งข้อสังเกตว่า องค์ประกอบของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ทำให้รัฐเสียหาย หรือ คตส. มีบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ทางความคิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างน้อย 4 คน จึงเรียกร้องว่าในการตรวจสอบคดีต่างๆ ขอให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา อย่าตั้งธง และทุกอย่างต้องได้มาตรฐานสากล ไม่ใช่ใช้ระบบศาลเตี้ย

เป็นข้อเรียกร้องที่คงจะตรงกับใจคนไทยทุกคน หรืออย่างน้อยก็คนส่วนใหญ่ ซึ่งปรารถนาที่จะให้การตรวจสอบ หรือการดำเนินคดีต่างๆ เป็นไปอย่างตรงไปตรงมา ตามกระบวนการยุติธรรมของประเทศ เพราะคนส่วนใหญ่ล้วนแต่ปรารถนาที่จะได้รับความเป็นธรรม ทั้งฝ่ายที่กล่าวหาและฝ่ายที่ถูกกล่าวหา ตามหลักการที่ว่า บุคคลย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย โดยเท่าเทียมกัน

องค์ประกอบของ คตส.อาจจะมีคนที่เป็นปฏิปักษ์ทางความคิด กับอดีตนายกฯทักษิณอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเสียงข้างน้อยแน่นอน และอันที่จริง คนที่เป็นปฏิปักษ์ทางความคิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะมีไม่รู้กี่สิบล้านคน แต่ในการตรวจสอบคดีต่างๆ คตส.ก็ทำตามกระบวนการยุติธรรม ดังที่ประธาน คตส.กล่าวว่า ถ้าหากมีอำนาจเหมือนมาตรา 17 ของคณะปฏิวัติในอดีต คงจะชี้ขาดเรื่องต่างๆไปได้มาก

การพิจารณาดำเนินคดีต่างๆ ให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และได้มาตรฐานสากล เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายปรารถนา และเรียกร้องต้องการมาตลอดเวลา ในสมัยของรัฐบาลทักษิณซึ่งอยู่ในอำนาจกว่า 5 ปี ก็เคยมีความหวังว่าจะมีการปฏิรูประบบการยุติธรรม เนื่องจากนายกรัฐมนตรีเคยเป็นนายตำรวจ และจบการศึกษาด้านอาชญาวิทยา ระดับปริญญาเอก แต่การณ์หาได้เป็นเช่นนั้นไม่

คดีการฆ่าตัดตอนกว่า 2,500 ศพ ในสงครามปราบปรามยาเสพติด ซึ่งที่ปรึกษาด้านกฎหมายของอดีตนายกฯทักษิณ ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยสั่งฆ่าใคร และไม่มีส่วนร่วมในการฆ่าใดๆทั้งสิ้น ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้น กล่าวคือ มีการจับกุม สอบสวนโดยฝ่ายตำรวจ ผ่านการตรวจสอบของอัยการ และการตัดสินของศาล เรื่องราวก็จะไม่บานปลายอย่างนี้

จากข้อมูลของกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า ในช่วงที่สงครามยาเสพติดดำเนินไปอย่างเข้มข้น มีคนถูกฆ่าตาย 2,596 คน เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด 1,164 คน ไม่เกี่ยวข้อง 1,432 คน วันเวลาผ่านพ้นมากว่า 3 ปีแล้ว คนไทยยังไม่รู้ว่า กว่า 2,500 ศพที่ถูกฆ่า ทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ใครเป็นคนฆ่า? และทำไมจึงฆ่า? เป็นไปตามมาตรฐานสากลหรือศาลเตี้ย?

ถ้าหากไม่มีการประกาศกร้าว ในการประกาศสงครามขจัดยาเสพติด และ ทำทุกอย่างตามกระบวนการยุติธรรม มีการสอบสวนอย่างตรงไปตรงมา ในกรณีที่มีการฆ่ากันตายเกิดขึ้น ประเทศไทยก็จะไม่ต้องเสียชื่อเสียง ถูกองค์กรสิทธิมนุษยชนทั้งภายในและภายนอก ทั้งสหประชาชาติและสหรัฐฯ กล่าวว่า ละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง และกระทรวงยุติธรรมก็ไม่ต้องกลับไปรื้อฟื้นคดีขึ้นมาสอบสวนอีก.