เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ผู้ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.กล่าวว่า
ที่ ป.ป.ช.มีมติส่งให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย เพื่อให้พ้นจากตำแหน่งนั้นตนไม่แปลกใจ เพราะ น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย บุตรสาวนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนางเยาวภา วงสวัสดิ์ น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยให้ถ้อยคำต่อ คตส.เกี่ยวกับหนี้จำนวนดังกล่าว ซึ่งตนก็มาดูการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินหนี้สินต่อ ป.ป.ช.ก็แปลกใจว่าทำไมไม่มีหนี้จำนวนนี้ ซึ่งกรรมการ คตส.คนหนึ่งตอนนี้ก็เป็นกรรมการ ป.ป.ช.ด้วยก็คงเห็นจุดดังกล่าวเช่นเดียวกัน และกรณีทำนองนี้ ป.ป.ช.ก็เคยชี้มูลนางอรพินท์ มั่นศิลป์ อดีต ส.ว.นครสวรรค์ มาแล้ว
เมื่อถามถึงมาตรฐานการแสดงบัญชีทรัพย์สินหนี้สินของนักการเมืองไทย นายเรืองไกรกล่าวว่า ตอนนี้ดีขึ้น แต่ฝนตกทั่วฟ้าหรือไม่นั้นตนไม่แน่ใจ เพราะกรณีต่างๆ ที่ตนเคยยื่นไป บางเรื่อง ป.ป.ช.ก็เรียกตนไปให้ข้อมูล แต่บางเรื่องก็ไม่เรียก จึงไม่เข้าใจวิธีการทำงานของ ป.ป.ช.
เมื่อถามถึงมาตรฐานการทำงานของ ป.ป.ช. นายเรืองไกรกล่าวว่า หากไปดูรายงานของป.ป.ช.ปี 51 และ 52 จะพบว่า เรื่องที่ค้างอยู่ ก็ยังค้างอยู่แบบเดิม ซึ่งการทำงานยังช้า องค์กรอิสระไม่ได้หมายความว่า อิสระจากการตรวจสอบ แต่ต้องตรวจสอบได้ ประชาชนจะสามารถไปสอบถามได้หรือไม่ว่า คดีต่างๆ เรื่องอยู่ที่ไหน ขั้นไหน อนุกรรมการสอบสวนที่ตั้งขึ้น ประชุมสัปดาห์ละกี่ครั้ง สอบพยานทั้งหมดกี่ปาก เหล่านี้ควรตั้งไว้ให้ชัดจะได้แก้ข้อครหา เพราะมีหลายคดีสำคัญที่หลุดเพราะเกินระยะเวลาพิจารณา เช่น ที่ดินอัลไพน์ ตนจึงเสนอมาด้วยความเคารพและหวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการทำงานของ ป.ป.ช.บ้าง นอกจากนี้ ขอให้ช่วยเร่งสอบสวนคดีเอสเอ็มเอสของนายกรัฐมนตรีหลังจากที่ตนได้ทักท้วงไป เพราะเห็นว่าน่าจะเข้าข่ายมาตรา 103 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ฉะนั้นจึงควรเร่งทำให้ประจักษ์