ตอกหน้า“เทพเทือก”น้ำมันปาล์มยังวิกฤต

ห้างดังไม่มีน้ำมันปาล์มขาย ชาวบ้านโวยสินค้าขาด แพงวุ่นทั่วเมือง ขายขวดละ 65-75 บาท ตอกหน้า“เทพเทือก”

เมื่อวันที่ ( 23 ก.พ.)  ผู้สื่อข่าวได้สำรวจการซื้อขายน้ำมันปาล์มวันแรก หลังจากรัฐบาลสั่งให้เพิ่มกำลังการผลิต และแทรกแซงราคาขายขวดละ 47 บาทในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลว่า ยังพบปัญหาสินค้าขาดแคลน และราคาแพง โดยร้านค้าปลีก และตลาดสด ย่านกระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำ ยังจำหน่ายปาล์มถุงสูงถึง 70-75 บาท  เช่นเดียวกับย่านดอนเมือง และตลาดยิ่งเจริญ สะพานใหม่ ที่มีการลักลอบขายหลังร้านให้ขาประจำขวดละ 60-65 บาท พร้อมแจ้งว่าน้ำมันปาล์มยังมีน้อยและราคาส่งแพงมาก ส่วนร้านค้าปลีกย่านวงเวียนใหญ่แจ้งว่า ไม่มีน้ำมันปาล์ม และน้ำตาลทรายขายมาร่วม 1 สัปดาห์แล้ว แม้รัฐบาลประกาศพร้อมนำน้ำมันปาล์มวางขายเพิ่ม แต่ถึงก็ยังไม่มีสินค้าจำหน่ายเลย

ส่วนบรรยากาศการซื้อในห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ยังได้รับการร้องเรียนประชาชนตลอดทั้งวันว่า หาซื้อน้ำมันปาล์มไม่ได้  ทั้งที่รัฐบาลประกาศว่ามีน้ำมันปาล์มขายแบบไม่อั้น และแม้ถึงช่วงบ่ายๆ แต่ห้างใหญ่กลางเมืองอย่างซูเปอร์มาร์เกต ในโตคิว หรือท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต สาขามาบุญครอง ไม่มีน้ำมันปาล์ม รวมถึงน้ำมันถั่วเหลืองจำหน่าย ซึ่งพนักงานแจ้งว่า ผู้ผลิตยังไม่ส่งสินค้าให้  จึงไม่สินค้าวางขาย เช่นเดียวกับห้างค้าปลีกเทสโก้ โลตัส ไม่มีน้ำมันปาล์มจุกสีฟ้าจำหน่ายเลย เนื่องจากสินค้าหมดสต็อก ขณะที่ห้างค้าปลีก บิ๊กซี มีน้ำมันปาล์มขายน้อยเช่นกัน เช่น สาขาสะพานควาย และในอีกหลายสาขามีน้ำมันปาล์มขายจนเกลี้ยงสต็อกไปแล้ว

ด้านแม่ค้าขายอาหารตามสั่ง ย่านวิภาวดีรังสิต กล่าวว่า ช่วง 3-4 เดือนหลังมานี้ขายของได้แต่กำไรลดลงตลอด เพราะวัตถุดิบใช้ทำอาหาร เนื้อหมู ไข่ไก่ ผัก แพงขึ้นมาก แต่ยังต้องขายราคาเดิม เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนใช้แรงงานรายได้ต่ำ ส่วนปัญหาน้ำมันปาล์มวันนี้ตามตลาดสดยังหาซื้อยากและแพง ไม่ได้เป็นปกติเหมือนรัฐบาลประกาศไว้ และต้องการให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้ามาแก้ปัญหาน้ำตาลทรายอย่างจริงจังด้วย เพราะสินค้าขาดตลาดและแพงมาเป็นปีแล้ว แต่รัฐบาลยังไม่ยอมเข้ามาแก้ปัญหาเลย 


นายสุเกียรติ กิตติธรรมโชติ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัทเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหารร้านผู้บริหารร้านเซ็นทรัล ฟู้ด, ฮอลล์, ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์ และ ท็อปส์ เดลี่ กล่าวว่า ในขณะนี้ร้านท็อปส์ไม่มีน้ำมันปาล์มจุกสีฟ้าราคา 47 บาท วางขายตั้งแต่ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว เนื่องจากบริษัทได้รับโควต้าจัดสรรจากกระทรวงพาณิชย์ในจุกสีฟ้ามาประมาณ 200,000 ขวด ตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา และยังจำกัดปริมาณการซื้อของลูกค้าไว้ที่ครอบครัวละ 1 ขวดก็ตาม ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้าแต่อย่างใด และเชื่อว่าห้างค้าปลีกรายอื่นก็ประสบปัญหาน้ำมันปาล์มไม่มีขายเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อภาครัฐมีนโยบายจัดสรรโควต้าน้ำมันปาล์มจุกสีฟ้าใหม่อีก 5 ล้านขวดแล้ว และคาดว่าจะมีจุกสีฟ้ารอบใหม่ออกสู่ตลาดภายในอีก 1-2 วันนี้ เชื่อว่าจะช่วยแก้ปัญหาน้ำมันปาล์มที่ขาดตลาดได้มากขึ้น รวมทั้งในเร็วๆ นี้กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายผลิตน้ำมันปาล์มจุกสีชมพูด้วย และไม่จำกัดจำนวนการผลิต เชื่อว่าปัญหาน้ำมันปาล์มขาดตลาด จะสามารถยุติลงภายในต้นเดือน มี.ค.นี้อย่างแน่นอน


นายดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ผู้บริหารห้างค้าปลีก เทสโก้ โลตัส กล่าวว่าสถานการณ์การซื้อขายน้ำมันปาล์มในห้างโลตัสยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ยังคงมีการจำกัดการซื้อขายให้แก่ลูกค้าอยู่ แต่ทั้งนี้สถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติเมื่อไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับการนำเข้าน้ำมันปาล์มล็อตใหม่ของภาครัฐจะจัดสรรแบบไหน

นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า จะเร่งกระจายน้ำมันปาล์มฝาสีฟ้าที่เหลืออีก 5.8 ล้านขวด ออกขายให้ประชาชนแบบไม่จำกัด ราคาขวดละ 47 บาท จึงขอให้ทุกฝ่ายอย่ากักตุน และประชาชนไม่ต้องตื่นตระหนกเพราะมีสินค้าจำหน่ายเพียงพอต่อความต้องการแน่นอน ส่วนปาล์มรอบใหม่ 45,000 ตัน กระทรวงพาณิชย์จะเปลี่ยนฝาจุกจากสีฟ้า เป็นสีชมพู เพื่อง่ายต่อการตรวจสอบ และจะผลิตออกเป็นน้ำมันปาล์มจำหน่ายได้ถึง 30 ล้านขวด 
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 23 ก.พ. 54 กรมฯ ได้ปรับวิธีกระจายน้ำมันปาล์มที่เหลือเกือบ 6 ล้านขวด ขายผ่านช่องทางห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคทั่วประเทศ แต่ระยะสั้นบางพื้นที่อาจมีปัญหาน้ำมันไม่เพียงพอ เพราะอยู่ในช่วงขนส่ง แต่ประชาชนทั่วประเทศจะหาซื้อน้ำมันปาล์มบริโภคได้ปกติภายใน 2-3 วัน อีกทั้งในปลายสัปดาห์นี้ยังมีการนำน้ำมันปาล์มภายในประเทศอีก 15,000 ตัน มาผลิตเป็นน้ำมันปาล์มเพื่อบริโภค ซึ่งส่งผลให้มีน้ำมันปาล์มเข้ามาขายในตลาดเพิ่มอีก 11 ล้านขวด สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้เพียงพอแน่นอน

ส่วนการนำเข้าน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์รอบสอง 1.2 แสนตัน คาดว่าจะมีการนำเข้ามา 30,000 ตันแรกได้ภายใน 15 วัน ซึ่งสามารถผลิตน้ำมันปาล์มเพื่อบริโภคได้ 22 ล้านขวด ดังนั้นประชาชนไม่ต้องวิตกว่าจะไม่มีน้ำมันไปบริโภค เพราะขณะนี้ภาครัฐได้แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ จึงเชื่อว่าหลังจากนี้การซื้อน้ำมันปาล์มจะมีความคล่องตัวมากขึ้น ประชาชนจึงไม่ควรซื้อเกินความต้องการ 

ด้านนายอนุกูล แต้มประเสริฐ ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า มีบริษัทเสนอราคาขายน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์เข้ามาให้พิจารณา 8 ราย และขณะนี้ อคส.สามารถเจรจาต่อรองจนได้ราคาต่ำสุด คือ บริษัทวิลมาร์ เทรดดิ้ง จากสิงคโปร์ ในราคาตันละ 1,258 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ กก.ละ 38.99 บาท ซึ่งถูกกว่าการนำเข้ารอบแรกที่กก.ละ 39.57 บาท ส่งผลให้รัฐบาลจ่ายเงินชดเชยให้โรงกลั่นลดลงกก.ละ 1.80 บาท หรือจากชดเชยกก.ละ 5 บาท เหลือ 3.20 บาท ทำให้ประหยัดงบประมาณเพียง 96 ล้านบาท ถูกกว่าที่ชดเชยถึง 150 ล้านบาท และคาดว่าจะนำเข้าน้ำมันปาล์มมาถึงไทยได้ในวันที่ 7 มี.ค.



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์