นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังเดินทางกลับมาจากการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน อย่างไม่เป็นทางการ ที่กรุงจาการ์ตา เมืองหลวงประเทศอินโดนีเซีย ว่า
ก็คงพึงพอใจสำหรับฝ่ายไทย กัมพูชา และโดยเฉพาะอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน รวมทั้งประเทศสมาชิกอาเซียนที่เหลือด้วย ที่ไทยและกัมพูชาสามารถตกลงกันเรื่องการหยุดยิงได้ รวมทั้งเรื่องที่ว่าให้ทางอินโดนีเซียส่งคณะผู้ตรวจการณ์ทางทหารเข้ามาสังเกตการณ์การหยุดยิงในบริเวณที่ได้มีการปะทะกัน โดยตนจะเดินทางไปหารือร่วมกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในวันนี้ หรือพรุ่งนี้ ว่า จะต้อนรับคณะผู้ตรวจการณ์ทางทหาร 15 ท่านจากอินโดนีเซียอย่างไร ขณะเดียวกันทางรมว.ต่างประเทศของอินโดนีเซียจะมีหนังสือมาถึงทางการไทยเพื่อเสนอรูปแบบคร่าวๆของการส่งคณะผู้สังเกตการณ์ก่อน
"ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็คงจะต้องดึงมาจากประสบการณ์ที่ประเทศไทย และฟิลิปปินส์ได้เคยส่งคณะผู้สังเกตการณ์ไปประจำที่จังหวัดอะเจะห์ของอินโดนีเซีย และที่ติมอร์ตะวันออก ซึ่งประสบการณ์ของทั้งสองฝ่ายมีอยู่ เรื่องรายละเอียดจึงไม่น่าจะเป็นปัญหา" นายกษิต กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่หลายฝ่ายมองว่า การส่งคณะผู้สังเกตการณ์ของอินโดนีเซียเข้ามาประจำอยู่ในฝั่งไทย และกัมพูชาฝั่งละ 15 คน นั้นเป็นการแทรกแซง
นายกษิต กล่าวว่า ไม่ใช่แทรกแซง ทำไมถึงไปเรียกว่าการแทรกแซง เพราะเป็นการเข้ามาช่วยรักษาสันติภาพเพื่อให้การหยุดยิงมันมีผลอย่างจริงๆจังๆ "คือพยายามอย่าถามอะไรที่จะทำให้เกิดไอ้ประเด็นปัญหาในการตอบ หรือในการชี้แจง ช่วยกันถามแล้วช่วยกันให้ข่าวที่เสริมสร้างความสร้างสรรค์ความเข้าใจกัน และเราก็ต้องดีใจที่ว่าทางรัฐบาลอินโดนีเซียได้มาเป็นประธานแล้ว ก็ช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถที่จะตกลงกันได้แล้ว ก็เพื่อความยั่งยืนของความสัมพันธ์สองประเทศและความเจริญของอาเซียน อย่าถามอะไรที่มันไม่สบายใจดีกว่า" นายกษิตกล่าวทิ้งท้าย พร้อมกับรีบเดินไปขึ้นรถทันที