"เทพเทือก" การันตีฤกษ์เป่านกหวีดเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเดือน มิ.ย. อ้างขอแก้ปัญหาของแพงก่อนยุบสภา หวังเรียกคะแนนเสียงตุนในกระเป๋า ปัดข่าว 4 สูตรตั้งรัฐบาล พร้อมเด้งรับแนวทางได้เปรียบตามข้อเสนอของคณะกรรมการแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ เพื่อไทยสับเละอัด “สมบัติ” สอพลอผู้มีอำนาจ จวกใช้อะไรคิด เผยพอใจผลงาน “มิ่งขวัญ” แต่อาจต้องปรับปรุงลีลาอีกนิดหน่อย ด้านเพื่อแผ่นดินพอใจเลือดเสียไหลออกเหลือแต่เลือดดี หวัง “สุวัจน์-ไพโรจน์” ร่วมทีมฟัน ส.ส. 40 เสียง ขณะที่ ส.ว.สรรหาแห่ลาออกเพียบ
ปชป.เด้งรับแนวทางเอาเปรียบ
เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอของคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการแก้ไรัฐธรรมนูญ ที่เสนอให้พรรคซึ่งได้รับคะแนนเสียงในระบบบัญชีรายชื่อสูงสุดได้จัดตั้งรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรีว่า เมื่อนักวิชาการพูดมาฝ่ายปฏิบัติก็ต้องฟัง อย่าเพิ่งไปติเรือทั้งโกลนต้องทำใจว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญสามารถที่จะแก้ไขได้ตลอดเวลา อย่าไปคิดว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่แตะต้องไม่ได้ แต่กระบวนการแก้ไขต้องทำด้วยการรับรู้และเห็นดีเห็นงามร่วมกัน
ส่วนที่คณะกรรมการฯเสนอว่ารัฐบาลไม่มีสิทธิยุบสภานั้น รองนายกฯกล่าวว่า ต้องไปดูรายละเอียด ตนคิดอย่างเดียวว่าระบบอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ การเมืองนิ่ง และทำให้คนสามารถทำมาหากินดำรงชีวิตกันได้อย่างปกติสุขเป็นเรื่องดีทั้งนั้น ขณะเดียวกันก็ต้องให้เรื่องการถ่วงดุลอำนาจมีประสิทธิภาพด้วย ความคิดของนักวิชาการเหล่านี้ถือว่าน่าสนใจมาก แต่ก็ต้องขอไปดูรายละเอียดก่อน
“เทือก”การันตียุบสภา มิ.ย.
เมื่อถามว่า มีคนตั้งข้อสังเกตว่าข้อเสนอของคณะกรรมการฯน่าจะได้รับไฟเขียวมาจากพรรคประชาธิปัตย์ เพราะรับลูกกับสิ่งที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ เคยออกมาพูด นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ใช่ พรรคยังไม่เคยพูดคุยกันในเรื่องเหล่านี้ นายกอร์ปศักดิ์เป็นนักยุทธศาสตร์เขาก็มีความคิดกึ่งวิชาการ แต่พวกตนเป็นนักปฏิบัติการก็ต้องลุยตามไป บางทีคุณกอร์ปศักดิ์บอกว่าโพลดีแต่พวกตนสอบตกก็มี หลายอย่างที่เขาทำเป็นของใหม่ เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและมีสีสัน บางเรื่องก็ได้ผล
เมื่อถามต่อว่า คิดว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะได้เสียงเท่าไหร่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่ค่อยเพ้อเจ้อ อยู่ที่ประชาชน ถ้านายกฯประกาศยุบสภาภายในเดือน มิ.ย.อย่างที่ว่า ก็มีเวลาเหลือเพราะความรู้สึกนึกคิดของประชาชนยังเปลี่ยนแปลงได้ ส่วนกระแสข่าวที่พรรคเตรียมสูตรตั้งรัฐบาลไว้ถึง 4 สูตรนั้น ไม่จริงเลย บ้านเมืองเราสนุกสนานกับการฝันไปข้างหน้ามากเกิน นายกฯยังไม่ได้ยุบสภาและยังไม่ได้กำหนดวันเลือกตั้งเลย จะทำตัวเป็นโหรเอาผลที่ฝันกันมาจับมือกันก่อนจะเป็นไปได้อย่างไร เลือกตั้งเสร็จแล้วดูกันว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อถามว่าสรุปแล้วจะยุบสภาก่อนเดือน มิ.ย.แน่นอนใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า การันตีได้ว่าก่อนเดือน มิ.ย. แก้ปัญหาของแพงให้เสร็จก่อนแล้วถึงยุบ เพราะจะได้คะแนนมากขึ้น
ชี้อยู่ที่“มาร์ค”ตัดสินใจ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สั้น ๆ กรณีที่นายสุเทพออกมาการันตีว่าจะยุบสภาก่อนเดือน มิ.ย.ว่า ตนก็ทราบจากข่าว เมื่อถามว่า ได้คุยกับนายสุเทพเรื่องการยุบสภาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ได้คุยและไม่ต้องคุยนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย กล่าวว่า นายสุเทพในฐานะผู้จัดการรัฐบาลหากจะพูดอะไรต้องมีการหารือ และประสานไปยังพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว อย่างไรก็ตามการตัดสินใจอยู่ที่นายกรัฐมนตรี หากเห็นว่าพร้อมแล้วก็สามารถทำได้ แต่เรื่องนี้ยังไม่เคยมีการพูดคุยภายในพรรค
อัด“สมบัติ”สอพลอผู้มีอำนาจ
อีกด้านหนึ่งที่รัฐสภามีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ซึ่งก่อนเข้าสู่วาระการประชุม ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้หารือถึงกรณีที่คณะกรรมการพิจารณาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญฯเสนอแผนปฏิรูปโครงสร้างประเทศไทย เพื่อให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ว่า เป็นการแก้ไขที่ไม่เหมาะสม หากในการเลือกตั้งครั้งหน้า กรรมการชุดนี้ลงสมัครด้วยก็ให้จดไว้ในบัญชี
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นข้อเสนอรับฟังไม่ได้ ชี้วัดได้ว่านักวิชาการบางพวกคิดแต่สอพลอผู้มีอำนาจ ใช้หลักคิดที่ว่าถึงอย่างไร ส.ส.ระบบเขตก็สู้ไม่ได้ จึงคิดสูตร ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบนี้ นายสมบัติ เจริญธัญวงศ์ ควรกลับไปอยู่ที่สถาบันพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) หรือให้คนในนิด้าผลักไสให้นายสมบัติมาเล่นการเมือง ข้อเสนอที่ห้ามไม่ให้ฝ่ายนิติบัญญัติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น ยิ่งเป็นข้อเสนอที่เหลวไหลจะปล่อยให้มีเรื่องทุจริตอย่างไรก็ได้อย่างนั้นหรือ นี่จึงเป็นข้อเสนอที่ไม่มีประโยชน์และไม่มีหลักวิชาการ เป็นการเสนอแบบสอพลอจึงควรทบทวนตัวเองได้แล้ว เพราะประชาชนรับไม่ได้
แก้ รธน.อีกรอบหลังเลือกตั้ง
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานคณะกรรมการนโยบาย และยุทธศาสตร์ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ข้อเสนอของนายสมบัติ คล้าย ๆ กับตน เพราะเป็นนักวิชาการเหมือนกัน แต่การจะให้หัวหน้าพรรคที่ได้คะแนน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นคงไม่ได้ เพราะตามระบบรัฐสภาจะต้องอาศัยเสียงข้างมากอยู่ดี เพียงแต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ ส.ส.เขต 200 เสียง และเขาได้ 201 เสียง แต่คะแนนระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้ 80 เสียง ส่วนเขาได้ 70 เสียง อย่างนี้ก็น่าคิด อย่างไรก็ตามเราเพิ่งผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญมา การแก้ไขอีกครั้งน่าจะรอให้การเลือกตั้งที่จะถึงเสร็จสิ้นไปก่อน
นายวิทยา แก้วภราดัย ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ตนยังต้องการคำอธิบายเพิ่มเติม เพราะฟังดูยังแย้งกันอยู่ บอกว่าต้องการส่งเสริมระบบพรรคการเมือง แต่กลับเสนอให้ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งไม่ต้องสังกัดพรรค จึงเป็นเรื่องที่คณะกรรมการชุดนี้ต้องอธิบายต่อสังคม ส่วนเรื่องที่เสนอให้ไม่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ที่ผ่านมาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรัฐบาลได้ จึงถือเป็นเพียงพิธีกรรมเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากนายสมบัติ เสนอมายังนายกรัฐมนตรี เชื่อว่านายกฯ คงต้องขอให้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นกันก่อน
“ชัย”ส่งเรื่องให้ศาลรธน.แล้ว
นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีที่พรรคฝ่ายค้านเข้าชื่อยื่นหนังสือต่อประธานรัฐสภา เพื่อขอให้ส่งร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ตนได้ส่งเรื่องดังกล่าวไปยังศาลรัฐธรรมนูญแล้ว หากศาลรัฐธรรมนูญไม่รับเรื่องดังกล่าวก็เป็นหน้าที่ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะส่งโปรดเกล้าฯต่อไป คาดว่าภายในสัปดาห์นี้น่าจะทราบผล
นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้รับเรื่องจากประธานรัฐสภาแล้ว ตนได้ให้ฝ่ายธุรการประมวลเรื่องเพื่อนำเสนอเป็นวาระเข้าสู่ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาต่อไปแล้ว คาดในวันที่ 21 ก.พ. คงจะมีความคืบหน้าว่าจะสามารถนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่วาระการพิจารณาภายในสัปดาห์เดียวกันหรือไม่ กรณีดังกล่าวนี้จะต้องพิจารณาโดยเร็วหรือไม่ เป็นเรื่องที่คณะตุลาการฯจะเป็นผู้กำหนดว่าจะพิจารณาอย่างไร
พท.พอใจผลงาน “มิ่งขวัญ”
ส่วนการเมืองอื่นนายสุพล ฟองงาม เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการอภิปรายงบประมาณกลางปีของนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และหัวหน้าทีมการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า จากที่พูดคุยกันในพรรค ส.ส.มีความพอใจ ถือเป็นการอภิปรายในมิติใหม่ที่เน้นให้เห็นข้อมูลในเชิงตัวเลข แต่ต้องยอมรับว่าคงไม่มีใครมีความสมบูรณ์แบบทั้งหมด ข้อบกพร่องก็ต้องแก้ไขกันไป
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ตนไม่ได้ดูเพราะติดภารกิจ น่าเสียดายที่ไม่ได้ฟังเพราะมีการพูดกันว่าการอภิปรายเป็นไปอย่างดี
“วิทยา”แจงเหตุเสียงแตก
นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีที่ผลการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณกลางปี 2554 วาระ 1 ส.ส.พรรคเพื่อไทยเสียงออกเป็น 2 ฝ่าย ทั้งงดออกเสียงและไม่เห็นด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีนัยทางการเมือง ไม่เกี่ยวกับเรื่องเอกภาพภายในพรรค เพราะพรรคไม่มีมติในเรื่องดังกล่าว การลงมติจึงเป็นไปโดยธรรมชาติ คนที่ไม่อยู่ในห้องประชุมอาจเป็นเพราะเวลาลงมติดึกเกินไป อย่างไรก็ตามการลงมติในวาระที่ 2 และ 3 อาจจะมีทิศทางเดียวกัน
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า สาเหตุเกิดจากนายวิทยาได้แจ้งให้ ส.ส.พรรคงดออกเสียง และให้ส่ง ส.ส.เป็นกรรมาธิการร่วม เพราะหากบอยคอตเหมือนกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่มีประโยชน์ แต่ ส.ส.อีกจำนวนหนึ่งเห็นว่าในเมื่อพรรคอภิปรายงบกลางปีโดยพุ่งเป้าไปที่พรรคประชาธิปัตย์ จัดสรรงบต่างตอบแทนให้พรรคร่วมรัฐบาลเพื่อแลกกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้นควรลงมติไม่เห็นด้วยและไม่ร่วมเป็นกรรมาธิการ ส่งผลให้คะแนนออกมาเช่นนี้
ส.ว.สรรหาแห่ยื่นใบลาออก
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า จากกรณีที่ ส.ว.สรรหาจะครบวาระในวันที่ 18 ก.พ.นี้ ปรากฏว่า ส.ว.สรรหาจำนวนมากที่จะสมัครเข้ารับการสรรหาใหม่ เกรงว่าจะมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ทำให้ตลอดวันที่ 17 ก.พ. มี ส.ว.สรรหา จำนวนมากทยอยยื่นใบลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.เป็นต้นไป รวม 67 คน ทำให้เหลือองค์ประชุมของวุฒิสภาในขณะนี้จำนวน 83 คน อย่างไรก็ตามมีความกังวลว่า ร่างกฎหมายสำคัญที่ค้างพิจารณาอยู่อาจมีปัญหา ซึ่งนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงความกังวลร่างกฎหมายสำคัญว่า เชื่อว่าร่างกฎหมายทุกฉบับจะผ่านได้
นพ.อลงกต มณีกาศ โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมี ส.ส.ย้ายไปอยู่กับพรรคการเมืองอื่นจำนวนมากว่า ไม่น่าวิตก เป็นการถ่ายเลือดเสียออกจากพรรค เพื่อจะได้เหลือเลือดแท้ที่มีอุดมการณ์ในทิศทางเดียวกัน มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปพรรคจะมีความเป็นเอกภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับการประเมินการเลือกตั้งของพรรค เบื้องต้นคาดว่าหากนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมชาติพัฒนา มารวมกับกลุ่มของว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แกนนำกลุ่มโคราช พรรคเพื่อแผ่นดิน จะได้จำนวน ส.ส.ประมาณ 40 คน แต่หากไม่มีการรวมกันคาดว่าจะได้ ส.ส.ประมาณ 20 คน