“ฮุนเซน”กร้าวไม่อภัยโทษ”วีระ”
“ฮุนเซน”กร้าวไม่อภัยโทษ”วีระ” เป็นไปไม่ได้ ด้านบัวแก้วยันพร้อมช่วยเต็มที่ หวัง2ประเทศเจรจาหยุดยิงด้วยดี
เมื่อวันที่ (17ก.พ.)สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ของกัมพูชา กล่าวระหว่างการแถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล ในกรุงพนมเปญว่า จะไม่มีการขอพระราชทานอภัยโทษให้กับนายวีระ สมความคิด ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 8 ปีในข้อหาจารกรรม และไม่ต้องมาโน้มน้าวตน หรือขอพระราชทานอภัยโทษจากกษัตริย์นโรดม สีหมุณี เพราะเป็นไปไม่ได้ในเวลานี้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมายคือ การรับโทษจำคุกอย่างน้อย 2 ใน 3 เสียก่อน จึงจะได้รับการพิจารณาอภัยโทษ ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายณฐพร โตประยูร ที่ปรึกษากฎหมายกลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ระบุว่าจะระงับการยื่นอุทธรณ์เพื่อต่อสู้คดีของนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ซึ่งถูกศาลกัมพูชาพิพากษาจำคุก แต่จะเตรียมส่งเรื่องให้รัฐบาลยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ ว่า กระทรวงการต่างประเทศได้รับทราบเรื่องนี้แล้ว ซึ่งนางวิไลวรรณ สมความคิด มารดาของนายวีระ เป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกระทรวงฯ โดยสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา กำลังตรวจสอบว่าถ้าการดำเนินการดังกล่าวทำเสร็จแล้ว จะสามารถยื่นขอพระราชทานอภัยโทษได้ทันทีหรือไม่ หรือจะมีช่องทางอื่นใดที่สามารถดำเนินการได้ เพราะตามกฎหมายของกัมพูชากำหนดว่าผู้ต้องโทษจะต้องถูกจำคุกรับโทษ 2 ใน 3 ของระยะเวลาที่ถูกพิพากษาจำคุก แต่เวลาที่ทั้ง 2 คนถูกจำคุกในตอนนี้ยังไม่ถึงตามที่กำหนด แต่เรื่องดังกล่าวก็ขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชา ด้วย
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ระบุว่ากัมพูชาจะขอให้ไทยลงนามในข้อตกลงหยุดยิง โดยมีรัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียน หรือประธานอาเซียน เป็นสักขีพยาน ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่อินโดนีเซีย ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ ว่า ฝ่ายไทยยินดีอยู่แล้วถ้าจะเป็นอย่างนั้น ซึ่งเรายินดีหยุดยิงอยู่แล้วโดยไม่ต้องรอให้มีการหารือในการประชุมอาเซียน ถ้าไม่มีการโจมตีเราก่อน เราก็ไม่ยิงเขา ตนหวังว่าการเจรจาระหว่างไทยกับกัมพูชาจะเป็นไปได้ด้วยดี เพราะเรายืนยันว่าจะขอให้มีการเจรจาระดับทวิภาคีโดยอยู่บนพื้นฐานของความเป็นมิตร จึงขอให้กัมพูชาใช้คำแนะนำจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอสซี) และอาเซียน ในการหยุดยิงทันทีแล้วหันมาเจรจาในกรอบทวิภาคี
ยุบสภา-ปฏิวัติก็ยังชุมนุม
ส่วนทางด้านพล.ต.จำลอง ศรีเมือง กล่าวว่า แม้นายกรัฐมนตรี จะยุบสภาว่าทำเดือนมิถุนายน ตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีออกมาคาดการณ์ เรายืนยันจะชุมนุมอย่างต่อเนื่อง เพราะเราไม่ได้มากกดดันให้รัฐบาลยุบสภา ฉะนั้นนายกรัฐมนตรี จะยุบหรือไม่ยุบหรือปฏิวัติ เราก็ยังปักหลักชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้ได้สามข้อ ส่วนหากยุบสภาเลือกตั้งได้รัฐบาลใหม่ เราจะหารือกันอีกครั้ง แต่ในส่วนตนยังยืนหยัดต่อสู้ เพราะเรามีความมุ่งหมายเดียวคือ รักษาอธิปไตยของไทยไว้ ฉะนั้นเราไม่ตื่นเต้นยุบสภาหรือไม่ยุบสภา เพราะรัฐบาลชุดนี้จะอยู่หรือไปก็ไม่มีความหมาย ปัญหาความเดือดร้อนชาวบ้านยังแก้ไม่ได้จะมาปกป้องประเทศได้อย่างไร เพราะเป็นรัฐบาลที่โกงมากที่สุด โกงทุกพรรค โกงทั้งคณะ โดยไม่คำนึงถึงประชาชนทั้งสิ้น ว่าจะเดือดร้อนความเป็นอยู่กันอย่างไร เพราะต้องการโกงเพื่อให้ได้มาเป็นรัฐบาลอีกครั้งเท่านั้น
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานยูเนสโกประจำประเทศไทย นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน และเครือข่ายภาคประชาชน เดินทางมายื่นหนังสือเพื่อคัดค้านการแต่งตั้ง นายโคอิจิโร มัตสึอุระ อดีตผู้อำนวยการยูเนสโก เป็นทูตพิเศษที่จะเดินทางมากรุงเทพฯ และ กรุงพนมเปญ เพื่อหารือมาตรการลดความตึงเครียด และส่งเสริมการเจรจาเกี่ยวกับการอนุรักษ์ปราสาทเขา
ส.นักข่าวเชิญ พธม.ขึ้นเวที
ต่อมาเมื่อเวลา 10.30 น.นายวิสุทธิ์ คมวัชพงศ์ นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และนายนิพันธุ์ อนุพงษ์ไชยฤทธิ์ กรรมการสมาคม ได้มายื่นหนังสือให้กับ นายปานเทพ และนายประพันธ์ ด้านหลังเวทีปราศรัยสะพานมัฆวานฯ เพื่อขอเชิญร่วมเวทีกลางเพื่อถกประเด็นเรื่องพื้นที่เขตแดนไทย- กัมพูชา โดย นายปานเทพ กล่าวภายหลังว่าสมาคมฯได้มายื่นหนังสือเป็นคนกลางระหว่างพันธมิตรฯกับรัฐบาล เพื่อให้เปิดเวทีให้ข้อมูลกับภาคประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาพันธมิตรฯเคยดีเบตกับนายอภิสิทธิ์ มาแล้วที่หอประชุมสนามกีฬา ไทย- ญี่ปุ่น ดินแดง มาแล้ว ซึ่งล้มเหลวไปแล้ว และพบข้อบกพร่องหลายอย่างโดย นายอภิสิทธิ์ พูดฝ่ายเดียวจนหมดเวลา และไม่รับการตอบสนองจากภาคประชาชน จึงเกิดการชุมนุมครั้งนี้ ซึ่งคู่กรณีคือรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ต้องจัดการปัญหาทั้งหมดโดยเร็ว พันธมิตรฯต้องการให้ประชาชนได้รับรู้ข่าวสารโดยให้สมาคมฯมาเป็นคนกลางในการเปิดเวที ให้นายกรัฐมนตรี เริ่มพูดก่อนใช้เวลาฝ่ายละ3 ชม.คนละวัน เชื่อว่าทุกฝ่ายมีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติพร้อมร่วมมือร่วมใจกันหาทางออกให้กับประเทศ ตนจะไปพบนายอภิสิทธิ์ เพื่อเสนอข้อตกลงดังกล่าวว่าหาก นายอภิสิทธิ์ ยอมรับเงื่อนไข พันธมิตรฯก็ยินดี เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชนทุกด้านและร่วมกันหาทางออกกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา โดยให้นายเทพชัย หย่อง มาเป็นพิธีกรตั้งข้อซักถามและให้นักวิชาการ ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญออกมานำเสนอในข้อพิพาทปราสาทเขาพระวิหาร เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่รอบด้าน การเสนอครั้งนี้ไม่ใช่แก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างพันธมิตรฯกับรัฐบาลแต่เราต้องการให้ประชาชนรู้ข้อเท็จจริงมากที่สุด
วอนอย่าบั่นทอนการทำงาน
ต่อมาเวลา 14.00 น.นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตร โจมตีรัฐบาลว่าไม่มีการให้ความช่วยเหลือนายวีระ และน.ส.ราตรี เต็มที่ว่า ตนก็อยากให้หยุดกล่าวหาซึ่งกันและกัน กรณีนี้รัฐบาลได้ทำหน้าที่ในการอำนวยความสะดวกและหารือกับทั้งทนายและญาติของทั้ง 2 คนแล้ว ส่วนแนวทางการต่อสู้นั้นในเบื้องต้นเจ้าตัวหรือผู้รับมอบอำนาจจะเป็นคนตัดสินใจ รัฐบาลไม่ไปบีบไม่ไปอะไร แต่พยายามทำหน้าที่ในการประสานงานและช่วยเหลือให้ดีที่สุด ไม่เข้าใจว่าคนที่ไปกล่าวหารัฐบาลนั้นมีเจตนาอะไร ทำไมถึงเอาความเดือดร้อนของคนมาเล่นการเมือง เราต้องการช่วยอย่างเต็มที่และได้อธิบายแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรเลยกับทั้งทนายความและญาติของคนทั้งสองแล้วก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด ไม่มีใครอยากเห็นสภาพที่มันเกิดขึ้นอย่างนี้ ก็มาช่วยกันแก้ไขปัญหาถ้าเจตนาคือการปกป้องแผ่นดินก็มาคุยกัน มาสร้างความเป็นภาพและอย่าบั่นทอนการทำงานในการช่วยเหลือคนไทยและการปกป้องอธิปไตยในการเดินหน้าต่อไปในเวทีระหว่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลยังต้องทำอย่างต่อเนื่อง
“ประวิตร” ย้ำยิงมาก็ยิงไป
เมื่อเวลา 07.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เดินทางไปมอบนโยบายให้กับหน่วยทหารในพื้นที่กองกำลังบูรพา ที่ดูแลพื้นที่แนวชายแดนด้าน จ.สระแก้ว ให้ใช้ความอดทน อดกลั้นกับเหตุการณ์ จากนั้นได้เดินทางไปเป็นประธานเททองหล่อพระพุทธชินราชจำลอง ที่วัดหนองสังข์ อ.อรัญประเทศ ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนประมาณ 7 กม. พร้อมบริจาคเงิน 12 ล้านเพื่อสร้างพระอุโบสถ โดยมี นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผวจ.สระแก้ว พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.กองกำลังบูรพา และประชาชนร่วมพิธี ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงกรณีที่ทหารกัมพูชายังไม่ยอมหยุดยิง พล.อ.ประวิตร ไม่ให้สัมภาษณ์ แต่พูดเพียงสั้นๆ ว่า “ถ้ายิงมาก็ยิงไป เพื่อรักษาอธิปไตยไว้” จากนั้นก็เดินทางกลับทันที
ประชุมเจซีบีต้องมีอาเซียน
นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวต่อไปว่า หากไทยไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอในข้อที่ 4 กัมพูชาก็จะขอให้กองกำลังจากชาติอาเซียนเข้าไปประจำการในดินแดนของกัมพูชา เพื่อสังเกตการณ์และเป็นหลักประกันการหยุดยิง ซึ่งร่างข้อตกลงหยุดยิงนี้ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ส่งให้กับนายกรัฐมนตรีของไทย ผ่านทางนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีของไทย ซึ่งเดินทางมาเยือนกัมพูชาเพื่อเปิดงานแสดงสินค้าไทย พร้อมกับย้ำอีกว่า การเจรจาแบบหลายฝ่ายจะนำมาใช้ได้เฉพาะกรณีพิพาทชายแดนเท่านั้น โดยการประชุมทั้งหมดแม้แต่คณะกรรมาธิการร่วมปักปันเขตแดน (เจซีบี) จะต้องมีประธานอาเซียนหรือผู้แทนอาเซียนเข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งไทยไม่ควรหวาดกลัวประเทศที่สาม แต่ในประเด็นอื่นๆที่นอกเหนือจากกรณีพิพาทชายแดนและปราสาทพระวิหาร เช่นการค้า การท่องเที่ยว และ วัฒนธรรม ก็จะทำแบบทวิภาคี
ย้ำเขมรต้องปกป้องปราสาทฯ
สมเด็จฮุนเซน กล่าวเรียกร้องอีกว่า ไทยกับกัมพูชาไม่ควรผลักดันสถานการณ์ไปสู่จุดเผชิญหน้ากันทุกภาคส่วน ควรจำกัดข้อพิพาทไม่ให้ลุกลามไปยังด้านอื่นๆ แต่สำหรับเรื่องปราสาทพระวิหารนั้น กัมพูชาไม่สามารถก้าวถอยหลังได้ เพราะนี่คือมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษของเรา ตนเพียงต้องการรักษาและปกป้องไว้ให้ลูกหลาน เราไม่ต้องการดินแดนของใคร กัมพูชายินดีต้อนรับผู้สังเกตการณ์ทุกรูปแบบจากอาเซียน ซึ่งอาจเป็นพลเรือน ทหาร หรือตำรวจ เป็นหมู่คณะจากอาเซียน หรือให้แต่ละประเทศส่งผู้สังเกตการณ์เข้าไปในพื้นที่พิพาทก็ได้