เขมรจี้“อาเซียน” สังเกตการณ์หยุดยิงเมินมติ“ยูเอ็นเอสซี” เปิดเกมยั่วยุยิงอีกทบ.แฉรุกคืบ “ฮุนเซน”อยากคืนดีไทย
วันนี้ 17 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะกันระหว่างทหารกัมพูชา กับทหารไทย บริเวณ “ภูมะเขือ” เทือกเขาพนมดงรัก ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาท 4.6 กม. อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ยังไม่มีท่าทีจะยุติลงง่ายๆ แม้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี จะมีมติให้ทั้งสองประเทศหยุดยิง และเปิดการเจรจาในระดับทวิภาคีเพื่อแก้ปัญหาข้อพิพาท โดยมีสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน รับบทพี่เลี้ยง ทำให้ความพยายามในการดึงปัญหาขึ้นสู่เวทีสากลระดับโลกของกัมพูชา ต้องล้มเหลวไปโดยปริยายนั้น
เขมรซ่าเปิดฉากปะทะ
ล่าสุดทหารกัมพูชาได้เปิดฉากยิงถล่มเข้าใส่ทหารไทยอีกระลอก โดยเมื่อเวลา 03.50 น. วันที่ 16 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเสียงระเบิดและเสียงปืนดังติดต่อกันที่บริเวณพลาญหินแปดก้อน ใกล้กับช่องโดนเอาว์ หลังห้วยด่านไอ บ้านหนองอุดม ต.รุง อ.กันทรลักษ์ ถัดจากพลาญอินทรีย์ ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ 1 กม. และห่างจากปราสาทพระวิหาร ไปทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ราว 3 กม. โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ตั้งฐานปฏิบัติการทหาร กองร้อยสนับสนุนที่ 84 กองพลน้อยสนับสนุนที่ 8 กองทัพภูมิภาคที่ 4 จำนวน 100 นาย ที่มี พล.ต.ยึม ปรึม เป็นผู้บัญชาการกองพลฯ ซึ่งทหารกัมพูชาได้เปิดฉากระดมยิงปืนอาก้า และเอเค 47 ใส่ฐานปฏิบัติการทหาร หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 23 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2
ไทยโต้เดือดสกัดรุกคืบ
หลังถูกโจมตีก่อน ทหารไทยจึงตอบโต้ด้วยการขว้างระเบิดมือเอ็มเค 2 เข้าใส่ และยิงปืนเอ็ม 16 ,เอชเค 33 ตอบโต้เพื่อสกัดไม่ให้ทหารกัมพูชารุกล้ำคืบคลานเข้ามาใกล้ฐาน แต่ทหารกัมพูชากลับเปิดฉากขว้างระเบิดมิลส์ และยิงจรวดต่อสู้รถถังอาร์พีจี 7 ถล่มเข้าใส่อีกรอบ ฝ่ายไทยจึงยิงระเบิดเอ็ม 79 และจรวดต่อสู้รถถังอาร์พีจี 7 ตอบโต้กลับไป ต่อมา พล.ต.ชวลิต ชุนประสาน ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 6 และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้ส่งกำลังทหารราบ จากกองพลทหารราบที่ 6 กองทัพภาคที่ 2 ไปสนับสนุน ขณะที่ ฝ่ายกัมพูชา พล.ต.เยือง โซะคน ผบ.กองพลน้อยสนับสนุนที่ 11 ก็นำกำลังทหารกองร้อยสนับสนุนที่ 112 จำนวน 120 นาย และทหารกองร้อยสนับสนุนที่ 81, 82 อีก 200 นาย เคลื่อนพลเข้าไปสนับสนุนเช่นกัน
ระเบิดตูมตามนับร้อยลูก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสู้รบและปะทะกินเวลายาวนานกว่า 2 ชม. กระทั่งฟ้าสาการสู้รบกันจึงยุติลง ต่างฝ่ายต่างล่าฐานกลับเข้าสู่ฐานปฏิบัติการ เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความสูญเสียของทหารทั้งสองฝ่าย และการปะทะกันครั้งนี้เป็นเพียงการขว้างระเบิดมือ ยิงปืนเล็ก และจรวดต่อสู้รถถังตอบโต้กันเท่านั้น โดยไม่มีการยิงปืนใหญ่เข้าใส่กันแม้แต่นัดเดียว แต่เป็นการปะทะที่ค่อนข้างดุเดือดกว่าทุกครั้ง เพราะมีเสียงระเบิดดังสนั่นนับได้กว่า 100 ลูก
ทั้งนี้เสียงระเบิดที่ดังขึ้น ต่อเนื่องกันตั้งแต่เช้ามืด ทำให้ชาวบ้านบริเวณชายแดน โดยเฉพาะใน ต.รุง ต.ละลาย และ ต.ซำ อ.กันทรลักษ์ ที่เพิ่งอพยพกลับเข้าบ้านได้แค่ 3 วัน แตกตื่นโกลาหลพากันวิ่งเข้าหลุมหลบภัยกันจ้าละหวั่น แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังไม่มีใครอพยพออกนอกพื้นที่ เพราะแม้จะรู้หวาดกลัวและรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้แต่แบกรับความทุกข์ทนเอาไว้ และส่วนใหญ่บอกว่า หากไม่มีการยิงปืนใหญ่ใส่กัน ก็คงจะไม่อพยพไปไหนแล้ว เพราะเหนื่อยและท้อเต็มที
แฉทหารเขมรยิงทุกคืน
พ.ต.ท.จารุวัฒน์ เพิ่มบุญ สวญ.สภ.โดนเอาว์ อ.กันทรลักษ์ เปิดเผยว่า จุดที่ปะทะกันอยู่ด้านหลังโรงพัก ห่างแค่ 10 กม. เท่านั้น ซึ่งตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.เป็นต้นมา ทหารกัมพูชาได้ยิงปืนใหญ่ เข้ามาในฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง แทบทุกคืนก็ว่าได้ บางคืนนับได้ถึงกว่า 20 นัด โดยเริ่มต้นประมาณช่วง 4 ทุ่มของทุกคืน และจะมาหนักในเวลาประมาณ 04.00 น. แต่ครั้งครั้งดูจะดุเดือดมาก เสียงระเบิดดังกึกก้องอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีการยิงปืนใหญ่ โรงพักโดนเอาว์อยู่ติดกับภูมะเขือ และภูกระแซง ช่องโดนเอาว์ เมื่อเกิดยิงปะทะกัน ชาวบ้านทั้ง 3 ตำบล รวม 30 หมู่บ้าน ก็ต้องอพยพหนีภัย คงเหลือเพียงชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ที่ดูแลทรัพย์สินบ้านเรือนราษฎร
เปิดศูนย์อพยพชั่วคราว
ด้านนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ได้สั่งการให้เปิดหอประชุมที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ เป็นศูนย์อพยพชั่วคราว ให้ชาวบ้านเข้ามาพักได้ตลอดเวลา พร้อมทั้งดูแลเรื่องข้าวปลาอาหารอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นการช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ และอยากฝากประชาสัมพันธ์ไปถึงชาวบ้านที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาทุกคนว่า หากได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเพียง 1-2 นัด ก็ควรเข้าไปอยู่ในหลุมหลบภัย แต่หากมีเสียงปืนดังเกิน 30 นาที ขอให้เตรียมอพยพออกจากหมู่บ้านโดยด่วนเพื่อความปลอดภัย ป้องกันความตื่นตระหนก เพราะเกรงจะเกิดโรคเครียดตามมา
ยอมรับยังมีเหตุยิงปะทะ
พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์หลังเป็นตัวแทนกองทัพภาคที่ 2 รับมอบสิ่งของบริจาคจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อนำไปช่วยเหลือทหาร และชาวบานที่เดือดร้อนว่า โดยมีนายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา รวมมอบเงินสมบทด้วยว่า ปัจจุบันหมู่บ้านตามแนวชายแดนกว่า 10 หมู่บ้านใน จ.ศรีสะเกษ มีทหารไปนอนเป็นเพื่อนชาวบ้าน และมีการซักซ้อมเข้าหลุมหลบภัยอยู่เรื่อยๆ ชาวบ้านไม่ได้เจอเหตุการณ์แบบนี้มากว่า 30 ปี แค่ได้ยินเสียงปิดประตูรถดังๆ ก็ตกใจแล้ว จึงต้องเข้าไปพูดคุยให้เข้าใจ ปัจจุบันสถานการณ์ก็ดีขึ้น แต่ยังมีเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ประปราย ก็อพยพกันน้อยลง แต่บางคนยังไม่มั่นใจก็เข้ามานอนในตัวอำเภอ พอเช้าก็กลับเข้าไปกรีดยางต่อ
ส่ง”ผบ.กองกำลัง”เจรจา
แม่ทัพภาคที่ 2 ยังระบุว่า ในวันที่ 16 ก.พ.นี้ จะมีตัวแทนเป็นผบ.กองกำลังไปเจรจากับฝ่ายกัมพูชาเพื่อแก้ปัญหาเรื่องการยิงปะทะกันอยู่ แต่หากเจรจาไม่สำเร็จ ก็ไม่หนักใจ แต่ส่วนตัวแล้วอยากให้เรื่องจบลงเร็วๆ และพยายามปรับกำลังทหารทั้งสองฝ่ายที่มีปัญหาอาจจะแค้นกันอยู่ ออกไปอยู่แนวหลังและเอาคนใหม่เข้ามาแทน ซึ่งอาจจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ส่วนกรณีถูกกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวหาโจมตีนั้น จะพูดอะไรก็เชิญ เพราะตนไม่ได้เป็นอย่างที่พูด และไม่คิดจะฟ้องร้องด้วย เพราะขี้เกียจขึ้นศาล ใช้เวลา 4-5 ปี ก็ไม่จบ ส่วนนายกฯ จะตรวจสอบเรื่องที่ตนถูกกล่าวหาเรื่องไม่ ก็ไม่มีปัญหาเพราะตนไม่ได้เป็นไปอย่างนั้นอยู่แล้ว
เขมรกะเจาะแนวป้องกัน
ขณะที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า การปะทะกันครั้งนี้ เกิดขึ้นเพราะทหารกัมพูชาพยายามแทรกซึมเจาะแนวป้องกันเข้ามาในพื้นที่ทหารไทย เหมือนครั้งปะทะกันในคืนวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยใช้ปืนกล ปืนครก (เครื่องยิงลูกระเบิดวิถีโค้ง) และยิงจรวดอาร์พีจี ระดมยิงเข้ามาบริเวณฐานที่ตั้งทหารไทยบริเวณภูมะเขือ ทหารไทยจึงต้องตอบโต้ป้องกันตัวตามความเหมาะสม และผลักดันทหารกัมพูชาล่าถอยออกไป ต่อมาช่วงเวลา 03.50 ทหารกัมพูชาพยายามเข้าโจมตีอีกครั้ง แต่ถูกตอบโต้จนถอยร่นกลับไปเช่นเดิม การปะทะกันไม่มีการใช้อาวุธหนัก และไม่มีทหารไทยบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โฆษกกองทัพบกยังระบุว่า หลังมติยูเอ็นเอสซี ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันดี และสั่งให้หยุดยิงแล้ว โดยไทยไม่ได้ฝ่าฝืน และไม่เคยยิงก่อน แต่ไม่ทราบฝ่ายกัมพูชามีปัญหาเรื่องการสื่อสารหรือไม่จึงยังยิงกันอยู่ และไม่ทราบว่าผู้ใหญ่ฝ่ายกัมพูชารับทราบหรือไม่ว่าทหารระดับล่างยังยิงใส่ไทยตลอดเวลา
เพื่อนบ้านที่ดีต้องหยุดยิง
ด้าน พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์หลังยูเอ็นเอสซีมีมติให้หยุดยิงและให้สองประเทศไปเจรจาระดับทวิภาคีว่า เรื่องการเจรจาเป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐบาล ส่วนกองทัพมีหน้าที่ปกป้องอธิปไตยและแผ่นดินไทย เมื่อฝ่ายตรงข้ามยิงเข้ามา กองทัพก็จำเป็นต้องตอบโต้ตามกฎการใช้กำลัง เรื่องมติการหยุดยิงนั้น หากเป็นเพื่อนบ้านที่ดี ก็ต้องหยุดยิงแล้ว ส่วนเรื่องการลงนามหยุดยิงกันระหว่างรมว.กลาโหมของทั้งสองประเทศนั้น เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ไม่เกี่ยวกับกองทัพ
ชมทหารไม่หลงเกมยั่วยุ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ปะทะกันอีกรอบบริเวณภูมะเขือว่า เห็นใจพี่น้องทหารที่ประจำอยู่บริเวณชายแดนท่ามกลางสถานการณ์อย่างนี้ แต่มั่นใจว่าแม้จะกระทบกระทั่งกัน เพราะอีกฝ่ายพยายามสร้างสถานการณ์ไม่จบง่ายๆ ทหารไทย็รับมือได้โดยไม่ทำให้ฝ่ายไทยเสียเปรียบ ต้องขอชื่นชมผู้บังคับบัญชาทหารที่อยู่ตามแนวชายแดน ที่กำชับผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่ในระเบียบวินัย ไม่โมโหเวลาที่ฝ่ายกัมพูชายั่วยุ และติดตามรุกไล่ไปในเขตแดนของกัมพูชาจนกลายเป็นประเด็นทางการเมืองระหว่างประเทศ เพราะเป้าหมายของไทยแค่ปกป้องตัวเอง และรักษาฐานที่มั่นเท่านั้น นายสุเทพยังเชื่อว่าในที่สุดเหตุผลและสายตาประชาคมโลกจะกดดันกัมพูชาเอง
เชื่อ”ฮุนเซน”อยากคืนดี
รองนายกฯ กล่าวยอมรับว่าการที่กัมพูชาไม่ยอมหยุดยุติปัญหา อาจเป็นเพราะไม่พอใจรัฐบาลชุดนี้เป็นการส่วนตัวในหลายเรื่อง เรียกว่าไทยกับกัมพูชา โกรธกันเป็นบางเรื่อง และดีกันเป็นบางเรื่อง ส่วนการที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี และนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ จะเดินทางไปร่วมงานแสดงสินค้าที่กัมพูชาในวันที่ 17 ก.พ.นี้ และจะมีโอกาสพบกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชานั้น คิดว่าคงมีส่วนช่วยให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศดีขึ้น เพราะลึกๆ แล้วสมเด็จฮุนเซนก็หวังเช่นนั้น เช่นเดียวกับนายไตรรงค์ ที่ยอมรับว่าการมีโอกาสได้หารือข้อราชการกับสมเด็จฮุนเซนถือเป็นเกียรติอย่างมาก และเชื่อว่าทุกฝ่ายกำลังพยายามทำให้ทุกอย่างดีขึ้น
ฟ้องเขมรไม่ยอมหยุดยิง
ทางด้าน นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงเหตุปะทะกัน 2 ครั้งล่าสุด ที่เกิดขึ้นหลังนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เดินทางไปชี้แจงสถานการณ์ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ต่อยูเอ็นเอสซี เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า จากการไปให้ข้อมูลกับยูเอ็นเอสซี มีผล 2 ประเด็นหลัก คือ 1.ขอให้หยุดยิงในพื้นที่ชายแดนทั้งสองฝ่าย และ 2.สนับสนุนกลไกทวิภาคี ซึ่งรัฐบาลไทยไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ ถ้ากัมพูชาไม่ยิงมาก่อน ไทยก็ไม่ยิงตอบโต้ ยอมรับว่าเรื่องนี้อาจมีผลต่อการเจรจาทวิภาคี ถ้ากัมพูชายังไม่หยุดยิงโจมตีไทย การปะทะที่เกิดขึ้นต้องบันทึกไว้ เพราะพูดคุยกันแล้ว แต่ยังมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ปฏิบัติตาม ชาติสมาชิกที่สนับสนุนเรื่องการเจรจาก็ต้องได้รับทราบ ทั้งนี้การเจรจาหยุดยิง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กับ พล.อ.เตีย บัณห์ รมว.กลาโหมของกัมพูชา จะเจรจากัน โดยหลังนายกษิตเดินทางกลับถึงไทย จะนัดหารือกับพล.อ.ประวิตรอีกครั้ง ก่อนจะไปเจรจากับพล.อ.เตีย บัณห์
รอกัมพูชานั่งถก“เจบีซี”
นายชวนนท์ ยังกล่าวว่า ส่วนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา ที่จะมีในวันที่ 27 ก.พ.นี้ ต้องรอดูฝ่ายกัมพูชาว่าจะมีท่าทีตอบสนองอย่างไร แต่ก็รู้สึกแปลกใจที่กัมพูชาปฏิเสธการเจรจาทวิภาคีกับไทย ซึ่งรายละเอียดเจบีซียังเหมือนเดิม กรณีที่ผลการประชุมเจบีซีไทย-กัมพูชา 3 ฉบับ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภาไทย ก็ไม่มีผล เพราะสามารถจัดประชุมหารือด้านอื่นๆ ได้ แต่กัมพูชาต้องเข้าใจว่าฝ่ายไทยต้องดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญของไทย ส่วนการตีความคำตัดสินของศาลโลกเกี่ยวกับพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหารนั้น ขอยืนยันว่าศาลโลกไม่เคยพูดถึงความถูกต้องของแผนที่ 1:200,000 บริเวณปราสาทพระวิหาร และไทยไม่เคยรุกรานกัมพูชาอย่างที่กล่าวหากัน แค่ป้องปกตัวเองและแผ่นดินไทย หากกัมพูชาปฏิเสธกลไกทวิภาคี จะไปหาเวทีอื่น ก็คงทำให้นานาชาติสับสนไม่เข้าใจ
แจง3เรื่องเวที”อาเซียน”
เลขานุการรมว.ต่างประเทศ ยังกล่าวถึงการประชุมรมต.ต่างประเทศอาเซียนในวันที่ 22 ก.พ.นี้ว่า ฝ่ายไทยจะพูดถึง 1.ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มต้น แต่ใช้ความอดทนอดกลั้น และโต้ตอบทหารกัมพูชาเท่าที่จำเป็น 2.การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ยังต้องยืนยันว่าเป็นชนวนแรกที่ทำให้เกิดความบาดหมาง 3.จะยืนยันว่าไทยยินดีจะเจรจาภายใต้กรอบทวิภาคีกับกัมพูชาเสมอ และยินดีแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเพื่อนประชาคมอาเซียน ซึ่งผลการพูดคุยในครั้งนี้จะไม่เป็นการผูกมัดไทยกับกัมพูชา เพราะไม่ใช่ลักษณะที่อาเซียนจะเข้ามาแทรกแซง และการหยิบยกเรื่องนี้เข้าสู่เวทีอาเซียน ก็ไม่ได้เข้าทางฝ่ายกัมพูชา นายชวนนท์ยังเรียกร้องไม่ให้กล่าวอ้างว่า มติของยูเอ็นเอสซีเป็นชัยชนะของไทย และเป็นความพ่ายแพ้ของกัมพูชา เพราะความจริงเป็นชัยชนะที่ดีสำหรับ 2 ประเทศ ที่จะหันมาพูดคุยกันและอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
หาข้อมูลค้านขึ้นทะเบียน
ส่วน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า ที่ประชุมครม.มอบหมายให้กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม นำแผนบริหารจัดการพื้นที่ปราสาทพระวิหารของกัมพูชามาแปลเป็นภาษาไทย เพื่อใช้เป็นข้อมูลโต้แย้งและคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทของกัมพูชา โดยเฉพาะส่วนที่ไทยไม่เห็นด้วย และมอบให้กรมศิลปากรเตรียมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับปราสาทเขาพระวิหารและพื้นที่โดยรอบ รวมทั้งโบราณสถานต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อใช้ในกรณีที่คณะกรรมการมรดกโลก 21 ประเทศ จะเข้ามาตรวจสอบปราสาทเขาพระวิหาร และมีการสอบถามข้อมูล ขณะเดียวกัน วธ.จะทำหนังสือโต้แย้งเรื่องยูเนสโกจะส่งทูตพิเศษมาตรวจสอบความเสียหายของปราสาทพระวิหารด้วย เพราะมองว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม และอาจทำให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น
ขณะที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กว่า 100 คน นำโดยนายอรรถพร พลบุตร ส.ส.สัดส่วน ยื่นหนังสื่อถึงประธานรัฐสภา ผ่าน พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาคนที่ 2 คัดค้านการขึ้นทะเบียนเช่นกัน เพราะเชื่อว่าจะนำไปสู่ความขัดแย้งของสองประเทศ และความสัมพันธ์เลวร้ายเข้าสู่ภาวะวิกฤติ
“สระแก้ว”ค้าขายคึกคัก
ส่วนที่ จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 07.00 น. วันเดียวกัน มีชาวกัมพูชานับหมื่นคน เดินทางผ่านด่านพรมแดน บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึกอรัญประเทศ เข้ามายังฝั่งไทยคึกคักเป็นพิเศษ นับแต่เกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา บริเวณเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยชาวกัมพูชาส่วนใหญ่เดินทางมาเปิดร้านจำหน่ายสินค้าต่างๆ ในตลาดโรงเกลือ และบางส่วนเดินทางเข้าไปขายแรงงานใน กทม. และในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ตามข้อตกลงเอ็มโอยู นาย กวง เอืยน พ่อค้าชาวกัมพูชาในตลาดโรงเกลือ เปิดเผยว่ารู้สึกดีใจมากที่สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศว่าจะไม่มีการสู้รบกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สระแก้ว จันทบุรี และ จ.ตรา พร้อมส่งเสริมให้ค้าขายกันตามปกติ ทำให้ชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะในกรุงปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย มั่นใจว่าจะไม่มีการสู้รบกัน จึงแห่กันข้ามมาค้าขายและรับจ้างทำงาน
จี้อาเซียนสังเกตการณ์
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาว่า นายฮอร์ นัมฮง รมว.ต่างประเทศของกัมพูชาเปิดเผยกับสื่อมวลชนหลังเดินทางกลับมาจากการร่วมประชุมกับยูเอ็นเอสซี ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยระบุว่า จะขอให้อาเซียน เข้ามาสังเกตการณ์การหยุดยิงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา และตนกับรมว.ต่างประเทศของไทย จะเดินทางไปร่วมประชุมอาเซียน ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ในวันอังคารที่ 22 ก.พ.นี้ด้วย
ฮุนเซนอ้างอยากคืนดีแต่ยั่วยุยิงถล่มทหารไทย
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง ฮุนเซนอ้างอยากคืนดีแต่ยั่วยุยิงถล่มทหารไทย
Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday