พธม.ท้านายกฯออกทีวีศอ.รส.แจ้งข้อหาเพิ่มอีก


พธม.ท้านายกฯออกทีวีคนละวัน 3 ชม.“สุเทพ” ปัดข่าวพธม.ปูทางทหารปฏิวัติ ศอ.รส.เตรียมแจ้งข้อหารอบ2


วันนี้ 17 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา  นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงการขอคืนพื้นที่จากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ปิดถนนสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนว่า ต้องใจเย็นกันหน่อย เพราะตำรวจต้องทำตามขั้นตอนของกฎหมาย แม้ผู้ชุมนุมจะดื้อแพ่งไม่ยอมทำตาม ก็ต้องพยายามกันต่อไป จะไม่ใช้อารมณ์แก้ปัญหา นายสุเทพ ระบุด้วยว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อดทนมาก ทั้งที่ถูกกล่าวหาบนเวทีชุมนุม และถ่ายทอดทางโทรทัศน์ ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย แต่คงต้องปล่อยให้ตำรวจทำหน้าที่ไป อย่าไปกดดัน กรณีตำรวจออกหมายเรียกแกนนำมารับทราบข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.ความมั่นคง ถ้าไม่มา ก็ต้องออกหมายจับ และนำตัวมาดำเนินคดี ตำรวจไม่ได้ลุแก่อำนาจ และหากแกนนำมารายงานตัวตามหมายเรียก พร้อมขอประกันตัวออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวอีก ก็ต้องออกหมายเรียก และดำเนินคดีอีกตามขั้นตอนของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) ส่วนคดีค้างเก่าของแกนนำพันธมิตรฯ ตำรวจเร่งรัดอยู่แล้ว และ ผบ.ตร.ได้รายงานให้ทราบแล้วว่าได้นัดวันที่จะส่งตัวให้อัยการฟ้องศาลแล้ว

เมื่อถามถึงกรณีนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ ออกมาระบุว่ากลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวเพื่อหวังให้นำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหาร นายสุเทพ กล่าวว่า ตนมีข้อมูลคนละอย่างกับนายปณิธาน เพราะเป็นคนละสายกัน ตนได้รับข้อมูลอย่างนี้ เพียงแต่อย่าเอามาเป็นอารมณ์ เพราะตนไม่เชื่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะสร้างสถานการณ์อะไรที่ทำให้บ้านเมืองเสียหายมากไปกว่านี้ ประชาชนส่วนใหญ่คงไม่ต้องการซ้ำเติมสถานการณ์อีก เ

มื่อถามว่าสายข่าวที่ได้รับเป็นข้อมูลเดียวกับนายกฯ หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ใช่ ตนทำงานฝ่ายความมั่นคงก็ต้องมีสายข่าวเป็นธรรมดา ส่วนนายกฯ ก็ต้องมีข่าวพิเศษกว่าตน เพราะท่านเป็นนายกฯ ต้องมีที่มาของข่าวนอกเหนือจากฝ่ายข่าวตามปกติที่ตนได้รับ“ใครก็ตามที่สร้างข่าวเรื่องการปฏิวัติ ใครก็ตามที่เรียกร้องให้มีการปฏิวัติหรือพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดการปฏิวัติ คนเหล่านี้ควรจะต้องถูกตำหนิ ถูกประณาม เพราะทำให้บ้านเมืองยิ่งสับสนวุ่นวายมากขึ้น เราเดินหน้าไปสู่กระบวนการประชาธิปไตยดีกว่า นายกฯ ประกาศชัดเจนแล้ว วันนี้ทุกเงื่อนไขก็เรียบร้อย เหลือแต่ดูแลให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย  มีบรรยากาศที่ดี และนำไปสู่การเลือกตั้งที่เสรีได้ เราจะได้เริ่มต้นกันใหม่ ความคิดที่แตกต่างหลากหลายไปตัดสินกันบนเวทีเลือกตั้ง ทำไมไม่เลิกต่อสู้กันบนถนน แล้วไปต่อสู้กันบนคูหาเลือกตั้ง เพราะพรรคการเมืองก็ตั้งกันไว้แล้ว” ที่เวทีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หน้ากระทรวงศึกษาธิการ

ช่วงสายวันเดียวกัน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ นายปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ โฆษกการชุมนุมฯ และนายประพันธ์ คูณมี ร่วมกันแถลงข่าวประจำวัน  นายปานเทพ กล่าวว่า ที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พูดฝ่ายเดียว และใช้เวลาพูดมานานมากแล้ว ซึ่งไม่เป็นธรรมกับภาคประชาชน  ดังนั้นเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ในวันที่ 17 ก.พ.นี้ ทางสมาคมผู้สื่อข่าววิทยุและโทรทัศน์ฯ จะมาพบกับพันธมิตรฯ ซึ่งพวกเราจะเสนอว่าขอออกโทรทัศน์คนละวันใช้เวลา 3 ชั่วโมง และให้นายกฯ ออกก่อน โดยไม่มีพันธมิตรฯ ไปนั่งฟังและร่วมดีเบต ส่วนพวกเราจะขอออกในวันที่ 2 และไม่ต้องมีนายกฯ มาร่วมดีเบตด้วย จะทำให้เรามีโอกาสชี้แจงกับประชาชน จึงขอถามไปยังนายอภิสิทธิ์ว่าจะยอมรับเงื่อนไขที่พันธมิตรฯ เสนอได้หรือไม่  ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าทางตำรวจจะออกหมายเรียกแกนนำพันธมิตรฯ ข้อหาทำผิดพ.ร.บ.ความมั่นคง ถ้าเราได้รับเราก็พร้อมไปพบตำรวจอยู่แล้ว

ด้าน พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มส่งกำลังมาตรวจ โดยเริ่มตรวจค้นตั้งแต่กองทัพธรรม ซึ่งพันธมิตรฯ ยินดีให้ตรวจ จะมาเมื่อไรก็ได้ ส่วนเรื่องหมายเรียกทำผิดพ.ร.บ.ความมั่นคงนั้นยังไม่ได้รับ ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลก เพราะมีข่าวล่วงหน้าเรื่องนี้มาหลายวันมากแล้ว อย่าเอาเรื่องนี้มาข่มขู่กันเลย บอกจะมาจับอย่างโน้นอย่างนี้ ทำไมถึงไม่มาเสียที เราอยู่ของเราดีๆ อยู่จุดเดียว หากมาสลายก็จะทำให้รถติดกันวุ่นวาย ถ้าตำรวจอยากมาสลายก็ให้มา เพราะสลายพันธมิตรฯ ก็จะกลับมาอีกให้รู้กันว่าใครจะอึดกว่าใคร ขณะที่นายประพันธ์ กล่าวว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุรุนแรง แต่การปฏิบัติของตำรวจกับพันธมิตรฯ เป็นการปฏิบัติที่ไม่มีการทำกับกลุ่มผู้ชุมนุมมาก่อน อย่างคนเสื้อแดงมีทั้งอาวุธ ระเบิด ยิงใส่ประชาชนทุกวัน แต่ตำรวจไม่กล้าเข้าไปตรวจ ดังนั้นวิธีการที่ทำเป็นวิธีการอัปยศ

ต่อมาเวลา 10.30 น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 นำกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 50 นาย ตรวจพื้นที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มเครือข่ายประชาชนคนไทยหัวใจรักชาติ พบอาวุธมีดปลายแหลมยาว 1 ฟุต 1 เล่ม ซุกซ่อนอยู่ในเต็นท์ที่พักอาศัยหน้ากองทัพธรรม ถนนพิษณุโลก มีนายวิโรจน์ ศรีขจร แสดงตัวเป็นเจ้าของ พร้อมกล่าวว่ามีดดังกล่าวซื้อมานานแล้ว จุดประสงค์เอาเพื่อใช้ตัดต้นไม้และกิ่งไม้ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่นำตัวนายวิโรจน์ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่สน.ดุสิต ต่อไป นอกจากนี้ ยังพบเสื้อเกราะ 1 ตัว ซุกซ่อนในกระเป๋าเป้ภายในเต็นท์ที่พักอาศัยของกลุ่มผู้ชุมนุมหน้าสำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) โดยมี ส.ต.ท.พลังสู้ อาสานอก ผู้บังคับหมู่งานปราบปราม สภ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว ช่วยราชการตำรวจสันติบาล แสดงตัวเป็นเจ้าของ อ้างว่าได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้มาดูแลความปลอดภัย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำเสื้อเกราะไปตรวจสอบต่อไป

พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า การตรวจค้นครั้งนี้เป็นไปตามประกาศฉบับที่ 1 ของ ศอ.รส.ที่ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ เพื่อตรวจค้นอาวุธมีด ไม้หลาวแหลม หรือสิ่งเทียมอาวุธ ที่อาจจะนำไปก่อเหตุความรุนแรงได้ ซึ่งหากตรวจค้นแล้วไม่พบอาวุธก็ถือได้ว่าชุมนุมอย่างสันติปราศจากอาวุธ แต่หากพบก็ต้องนำเจ้าของไปดำเนินคดีต่อไป ด้าน ร.ต.แซมดิน เลิศบุตร ตัวแทนเจรจาของกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า หากตำรวจจะเข้าตรวจค้นพื้นที่การชุมนุม ตนก็ยินดี แต่ขอให้ดำเนินการในเวลากลางวัน โดยผู้ชุมนุมจะส่งตัวแทนจากคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดินเข้าร่วมในการตรวจค้นด้วย

ด้าน พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ศอ.รส.กล่าวว่า ทาง บช.น.ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมออกหมายเรียกแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติเพิ่มเติมอีกกว่า 10 คน ในข้อหาขัดประกาศข้อกำหนดห้ามเข้า หรือให้ออกจากพื้นที่ ตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยเป็นบุคคลที่เคยขึ้นเวทีก่อนหน้านี้ ใช้คำพูดกระทบความมั่นคง ใช้ข้อความที่ไม่ตรงความจริง โฆษณาชวนเชื่อ ยุยงส่งเสริมให้เกิดความวุ่นวาย ส่วนแนวร่วม หรือแกนนำหน้าใหม่ที่ขึ้นเวทีนั้น พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ว่าเข้าข่ายหรือไม่ ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาอีก 2 วัน ก็จะออกหมายเรียกเพิ่มเติมรอบสองได้

ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ที่ศูนย์การค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองประธาน นปช.กล่าวว่า ทราบข่าวว่าในจำนวนพี่น้องเสื้อแดงที่อยู่ในเรือนจำจะได้รับการประกันตัวเฉพาะ นพ.เหวง โตจิราการ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง เท่านั้น ก็ขอเรียนไปถึงประธานศาลฎีกาว่า ถ้าจะปล่อยตัวเฉพาะ 2 คนก็อย่าปล่อยดีกว่า และขอให้จับตนเพิ่มอีกคน แต่ถ้าจะปล่อยก็ให้ปล่อยทั้งหมด เพราะการปล่อย 2 คน เท่ากับให้ 2 คนนี้ไม่มีที่ยืน เพราะคนเสื้อแดงถ้าจะรอดก็ต้องรอดด้วยกัน ตายก็ต้องตายด้วยกัน วันนี้เราต้องการให้เพื่อนออกจากเรือนจำอย่างทระนงทุกคน ที่ผ่านมาเวลาคนเสื่อแดงไม่ได้รับการประกันตัว ไม่เคยอธิบายบอกเหตุผลแท้จริง บอกเพียงคดีมีอัตราโทษสูง กลัวการหลบหนี ขณะที่พันธมิตรฯ ก็ต้องโทษก่อการร้าย มีโทษประหารเหมือนกัน แต่ไม่เคยมีเหตุผลแบบนี้ จึงขอถามประธานศาลฎีกาว่า ทำไมเหตุผลที่ให้คนเสื้อแดงจึงเป็นคนละเหตุผลกับพันธมิตรฯ ท่านใช้ดุลพินิจอะไรพิจารณา ทั้งที่โทษประหารชีวิตเหมือนกัน หรือได้สันนิษฐานบนความเชื่อตั้งแต่ต้นว่า เสื้อแดงทำผิดจึงไม่ปล่อย
   
“ผมขอส่งข่าวไปถึงประธานศาลฎีกา ท่านจะบีบให้ประชาชนหมดทางเลือก ผมไม่ได้ต้องการกดดันศาล แต่ศาลต่างหากที่กดดันประชาชน ถ้าวันที่ 19 ก.พ.มีการชุมนุมแล้ว แต่ 21 ก.พ.ยังไม่ปล่อยตัว วันที่ 12 มี.ค.เราจะไปที่ศาลอาญาอีกรอบ วันนั้นขอให้พี่น้องมากัน 5 แสนคน แต่ถ้ายังเฉย วันที่ 10 เม.ย.ขอเป็นล้านคน และถ้าถึง 2 ล้านคน เราค่อยมาตัดสินว่าจะเอาอย่างไร ในเมื่อคนอียิปต์มาลอกข้อสอบเรา และสอบได้ เราที่เป็นต้นฉบับแท้ๆ ก็ต้องทำได้ วันนี้เมื่อความยุติธรรมมีสี  เหลืองปลอดภัย น้ำเงินไม่ผิด แดงไม่ปลอดภัย คนเสื้อแดงจึงต้องลุกขึ้นสู้ เพราะถ้าเราไม่สู้ ก็ต้องถูกตามฆ่าอยู่ดี การชุมนุมในวันที่ 19 ก.พ.นี้ ขอนัดหมายคนเสื้อแดงให้ไปชุมนุมที่แยกราชประสงค์เวลา 13.00 น. และจะเคลื่อนไปหน้าศาลฎีกาในเวลา 15.00 น. จากนั้นจะไปรวมตัวชุมนุมต่อที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจนถึงเที่ยงคืน” นายจตุพรกล่าวตอนท้าย.
     



 


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์