“ปู่ชัย” ยันให้เวลาอภิปรายงบวันเดียวเท่านั้น เชื่อ รมต.ภูมิใจไทย ชี้แจงได้ ด้าน “สาทิตย์” แจงโคราช-อยุธยาได้งบมาก เพราะภัยน้ำท่วม
วันนี้ (16 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึง การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมารณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2554 จำนวน 100,000 ล้านบาท ว่า ที่ประชุมจะใช้เวลาในการพิจารณา และลงมติรับหลักการให้แล้วเสร็จ ภายในเวลา 24.00 น. เนื่องจากการประชุมสภาวันที่ 17 ก.พ.นี้ มีกฎหมายสำคัญที่ต้องพิจารณาให้เสร็จโดยเร็ว จำนวน 6 ฉบับ ทั้งสภาฯ จะพยายามเร่งกฎหมายให้ผ่านการพิจารณาโดยเร็วที่สุด ส่วนที่ฝ่ายค้านเตรียมใช้เวทีอภิปรายงบประมาณ เพื่อซ้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายชัย กล่าวว่า เป็นเรื่องของทัศนะคติของแต่ละคน จะเอามาเป็นเรื่องของเรา หรือไม่ยุ่งกับเขาไม่ได้
เมื่อถามต่อว่า กังวลการชี้แจงงบประมาณของกระทรวงมหาดไทย ที่ดูแลโดยรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย จำนวน 8,700 ล้านบาท หรือไม่
นายชัย กล่าวว่า ไม่เห็นต้องกังวลอะไร งบประมาณทั้งหมดแบ่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และงบประมาณทางสังคม ใครจะไปกินตรงไหนตรวจสอบได้หมด มั่นใจว่าตรวจสอบได้ เพราะรัฐมนตรีมีรายละเอียดหมดให้ซักถาม หากฟังการชี้แจง ทุกอย่างก็จะชัดเจน อีกฝ่ายหนึ่งรู้เรื่อง แต่พยายามทำไม่รู้ พยายามตีความให้แตกความสามัคคี มันเป็นเกมการเมือง จะทำยังไงก็ได้อยู่แล้ว
ด้าน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลยืนยันว่า การจัดงบกลางมีความโปร่งใส
โดยรายละเอียดในการจัดงบกลางปีนั้น มี 2 ส่วน คือ งบชดใช้เงินคงคลัง 84,000 ล้านบาท และงบค่าใช่จ่าย ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ งบประมาณ 5,900 ล้านบาท ของกระทรวงมหาดไทย ที่มอบให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อนำไปใช้เป็นค่าเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และงบฟื้นฟูน้ำท่วม 9,900 ล้านบาท ซึ่งงบจำนวนนี้ได้จัดทำรายละเอียดการใช้จ่ายงบประมาณลงในดีวีดีให้ ส.ส. โดยจังหวัดที่ได้รับงบประมาณมากที่สุด คือ จ.นครราชสีมา และพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากประสบปัญหามากที่สุด ดังนั้น ไม่ใช่งบต่างตอบแทนให้กับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างที่มีการวิจารณ์ เพราะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่ฝ่ายค้านก็ได้รับงบประมาณเช่นกัน ขณะนี้กระทรวงอื่น ๆ ก็ได้รับการจัดสรรตามความจำเป็น เช่น กระทรวงคมนาคน ได้นำไปใช้ซ่อมถนน สำนักพระพุทธศาสนา ซึ่งอยู่ในกำกับของสำนักนายกรัฐมนตรี ก็นำไปซ่อมแซมบูรณะวัดกว่า 600 แห่ง ไม่ใช่ว่าอยู่ภายใต้การดูแลของนายกรัฐมนตรีจะต้องได้รับงบมากกว่า จึงย้ำว่าดำเนินการจัดสรรงบเป็นไปอย่างโปร่งใส ไม่ได้ต่างตอบแทนให้ใคร.