หนังสือพิมพ์เกาะสันติภาพของกัมพูชารายงานว่า นายฮอ นัม ฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ยังยืนยันว่าไทยเป็นฝ่ายรุกล้ำแดน การเจรจาทวิภาคีไร้ประโยชน์ถ้าไทยยังไม่ยอมรับผิด
หนังสือพิมพ์เกาะสันติภาพของกัมพูชา รายงานว่า นายฮอ นัม ฮง รัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชา กล่าวโจมตีไทยระหว่างให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีทีเอ็น ว่าสิ่งที่เขาชี้แจงต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) คือความต้องการที่จะให้สหประชาชาติส่งผู้สังเกตการณ์เข้าไปหาข้อเท็จจริง กรณีไทยบุกรุกดินแดนของกัมพูชา ส่วนการปะทะกันด้วยอาวุธนั้นไม่ได้เกิดจากความเข้าใจผิด แต่เป็นสงครามจากการรุกล้ำดินแดนของไทยเข้าไปในพื้นที่ของกัมพูชา เช่น การเรียกร้องเอาปราสาทพระวิหารของกัมพูชา การผลักดันประชาชนของกัมพูชา ให้ออกจากพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร การเรียกร้องให้กัมพูชารื้อธงชาติ ที่ซุ้มประตูของวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ หรือในเขตพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร
นายฮอ นัม ฮง ตั้งคำถามว่า ถ้าเป็นความเข้าใจผิดในสถานการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งของไทยที่มีต่อกัมพูชา
เหตุใดจึงไม่เลือกใช้แนวทางแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นแบบทวิภาคีหรือไตรภาคี เหตุใดจึงใช้เล่ห์เหลี่ยม ไม่ยอมรับคำตัดสินที่ไทยและกัมพูชาได้ลงนามยอมรับไปแล้ว และหลายครั้งที่ไทยเหยียบย่ำการเจรจาแบบทวิภาคีต่อกัมพูชา ทำให้ไม่มีคุณค่าต่อการเจรจาแบบทวิภาคีอีกต่อไป การที่ไทยอยากจะขอแก้ตัวในการเจรจาแบบทวิภาคีกับกัมพูชาหลังจากนี้ จะมีประโยชน์อันใด ถ้าไทยไม่ยอมรับความผิดเหล่านี้
นายฮอ นัม ฮง กล่าวด้วยว่า เขาต้องการได้รับคำตอบจากยูเอ็นเอสซีว่านับแต่นี้ต่อไป ต้องให้กัมพูชาและไทยทำอย่างไร
จึงจะสามารถยุติการปะทะกันด้วยอาวุธสงครามได้ เขาอ้างว่าสงครามที่ไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เช่น การยิงปืนใหญ่ขนาด 105 มม. 120 มม. และ 155 มม. ลึกเข้าไปในกัมพูชาประมาณ 20 กิโลเมตร สร้างความเสียหายต่อปราสาทพระวิหารและวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ นอกจากนี้ ยังยิงเข้าไปในพื้นที่สำบอกคะมุม ที่อยู่ห่างจากตัวปราสาท 500 กิโลเมตร พื้นที่เวียลอินตรี และพนมทรัพย์ ที่อยู่ห่างจากตัวปราสาท 1,200 กิโลเมตร รวมถึงพื้นที่ตาซึมและที่อื่นๆ อีกด้วย