เมื่อเวลา 06.30น. นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สดทางโทรศัพท์ทางสถานีโทรทัศน์ NBT บอกว่าการประชุม คณะมนตรีความมั่นคง UNSC ได้มีการเล่าถึงปัญหาไทยเขมร
ซึ่งครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปัญหานี้เกิดขึ้น โดยทางกัมพูชา ท่านฮอร์นัมฮง ก็กล่าวถึงประเด็นสู้รบ เพราะท่านอยากให้ UNเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป อยากให้ส่งผู้สังเกตุการณ์เข้ามาสำรวจ ส่วนเราเองก็เล่าถึงปัญหาและอยากให้มีสัมพันธภาพที่ดี ยุติการสู้รบ แต่ติดอยู่ที่ผู้นำเขมรจะมาประชุมหรือไม่
นายกษิตยืนยันว่าเราไม่มีความปรารถนาร้ายต่อเขมร เพราะเราก็เห็นว่าเขายังเป็นประเทศที่ยากจนอยู่ ซึ่งพร้อมจะร่วมมือให้เกิดเรื่องที่ดีทั้งที่กลไกสองฝ่ายที่มีอยู่ โดยทางไทยได้ยืนยันในห้องประชุมว่า สามารถที่แก้ปัญหาได้ มีกรอบเจรจา2ฝ่าย หลายอย่าง และทุกประเทศอยากให้เจรจาด้วยสันติวิธี แต่ให้เริ่มด้วย2ปท.
"ผมยืนยันว่าไทยไม่เคยยิงก่อนและไม่ต้องการให้มีการสู้รบ ซึ่งในที่สุด ที่ประชุมก็เห็นพ้องกันว่า ยังไม่เห็นความจำเป็นที่UNจะต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง" นายกษิต กล่าวด้วยว่า ทางกัมพูชาไม่รับก็เท่ากับก็เหมือนเขาจะขัดกับมติของUNโดยองค์รวม/ถ้าไม่ทำตามที่UNเห็นพ้อง ปัญหาภาระก็จะตกอยู่กับเขมร และยังได้เสนอต่อที่ประชุมUNSC ให้แจ้งไปที่เขมรแล้วว่า เราขอเสนอให้มีการประชุมJBCปลายเดือนนี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับกัมพูชา ภาระอยู่ที่ฝ่ายกัมพูชา ที่ต้องแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา
นายกษิต กล่าวต่อว่า "ถ้าเขาไม่เจรจาแบบทวิภาคี ก็ถือว่าเขาขัดกับสหประชาชาติ ไม่ใช่ขัดกับประเทศไทยเพียงอย่างเดียว ซึ่งทางรัฐมนตรีกลาโหมของเราพร้อมพบ กับรัฐมนตรีกลาโหมของกัมพูชา ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจทางการเมืองของผู้นำกัมพูชา
นายกษิต พูดถึงการผลักดันปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ว่า ชี้แจงที่ประชุมว่า ทางไทยเห็นควรให้ระงับการขึ้นทะเบียนไว้ก่อน เนื่องยังไม่มีความชัดเจนเรื่องเขตแดน ทำให้มีปัญหาข้อพิพาท