"กษิต" เตรียมโฟนอินช่อง 5 ,11 และกต. เช้าวันพรุ่งนี้แจงยูเอ็นเอสซี "ปณิธาน"โวหลักฐานมัด เขมรยิงถล่มก่อน
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 14 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ที่เดินทางไปชี้แจงกรณีข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา กับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) จะโฟนอินเข้ามาทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 และช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ ในเวลา 06.00 น. ของวันที่ 15 ก.พ. จากนั้นในเวลา 10.00 น. จะโฟนอินมายังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อแถลงให้ทราบถึงรายละเอียดที่ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมยูเอ็นเอสซี ทั้งนี้ในการชี้แจงนายกษิต จะยืนยันตามพันธกรณีที่ผูกพันอยู่กับทางการกัมพูชา โดยไทยยืนยันว่ายึดมั่นในสันติวิธีและจะแสดงหลักฐานทางการทหารว่ากัมพูชาโจมตีไทยก่อน
โดยมีบทสัมภาษณ์นายทหารกัมพูชา 2-3 คน ที่ให้สัมภาษณ์ยอมรับกับสื่อต่างชาติว่าเป็นฝ่ายโจมตีฝ่ายไทยก่อนจริง เนื่องจากเห็นทหารไทยขับรถเทรคเตอร์เหมือนกับจะเข้ามาในพื้นที่ จึงยิงออกไป นอกจากนี้ยังจะแสดงหลักฐานว่ากัมพูชามีกองกำลังอยู่บนปราสาทพระวิหาร รวมถึงหลักฐานว่าทางกัมพูชามีการเตรียมการพร้อมไว้ก่อนเพื่อหวังจะปะทะกับไทย เช่น การสร้างวัดและการติดตั้งธงชาติกัมพูชา ทั้งยังมีการยั่วยุ เพื่อต้องการให้เกิดสงคราม โดยเราจะชี้แจงว่ากัมพูชาโจมตีมายังพลเรือนของไทยจนได้รับความเสียหายจนมีผู้เสียชีวิต ซึ่งต้องใช้เวลา 2-3 เดือนในการปรับปรุงซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย
นายปณิธาน กล่าวต่อว่า เรื่องทั้งหมดที่กัมพูชาทำเพียงต้องการยกระดับปัญหาให้เป็นระดับสากล ซึ่งท่าทีของสหประชาชาติก็กังวลในเรื่องนี้ และต้องการให้กัมพูชาพูดคุยในระดับทวิภาคีก่อน ซึ่งเชื่อว่านานาชาติก็จะรับฟังความคิดเห็น โดยให้ประเทศคู่กรณีได้พูดคุยกัน เพราะประเทศที่ 3 คงไม่รู้ปัญหาดีไปกว่าคู่กรณี
เมื่อถามย้ำว่า ฝ่ายกัมพูชายืนยันว่าจะไม่พูดคุยกับไทย นายปณิธาน กล่าวว่า กัมพูชาพยายามที่จะเดินไปสู่ระดับสากล ซึ่งไม่เป็นผลดีกับการแก้ไขปัญหา เชื่อมั่นว่าขณะนี้นานาชาติก็มีข้อมูลตรงนี้หมดแล้ว เราเองก็หวังว่านานาชาติจะโน้มน้าวฝ่ายกัมพูชาให้หันมาพูดคุยกันในระดับทวิภาคีได้
นายปณิธาน กล่าวต่ออีกว่า หวังว่าถ้อยแถลงของยูเอ็นเอสซีที่จะออกมาจะเป็นการแสดงความกังวลต่อการปะทะกันและกระตุ้นให้ทั้ง 2 ประเทศเจรจาหาทางแก้ไขปัญหาด้วยกันเองก่อน ซึ่งหลังจากที่ไทยและกัมพูชาเข้าชี้แจงต่อยูเอ็นเอสซีแล้ว ขั้นตอนต่อไปประธานยูเอ็นเอสซีก็จะหารือกับประเทศสมาชิกทั้ง 15 ประเทศ และออกเป็นความเห็น ซึ่งไทยเองก็มั่นใจว่าความเห็นของยูเอ็นเอสซี จะให้ทั้ง 2 ประเทศมาพูดคุยกันเอง ซึ่งจะเป็นการผ่อนเบาภาระของยูเอ็นไปได้ อย่างไรก็ตามหากต้องมีการลงมติของยูเอ็นเอสซี ประเทศสมาชิก 5 ประเทศถาวรจะต้องไม่มีประเทศใดประเทศหนึ่งคัดค้าน เพราะหากมีการคัดค้านจะถือว่ามตินั้นตกไป
เมื่อถามว่า หากยูเอ็นเอสซีมีมติออกมาไทยจะยอมรับตามนั้นหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ก็ขอดูว่าสอดคล้องกับแนวทางของเราหรือไม่ หลังจากนั้นเราก็จะมีความเห็นต่อมติดังกล่าวออกมา นอกจากนี้ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ นายกษิต จะเดินทางไปร่วมประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ที่ประเทศอินโดนีเซียด้วย.