กลุ่มไชยวัฒน์อดเข้าสภาฯ เจอผู้การแต้มขวางอ้างติดพ.ร.ก.มั่นคง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.30 น. คณะกรรมการเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ประมาณ 10 คน นำโดยนายชัยวัฒน์ สินสุวงศ์ ได้เตรียมเดินทางไปยังรัฐสภา เพื่ออ่านแถลงการณ์คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ไม่สามารถเข้าไปถึงหน้ารัฐสภาได้ เนื่องจากมีด่านเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยรถขังผู้ต้องหาตั้งด่านสกัดอยู่บริเวณด้านข้างพระที่นั่งอนันตสมาคม โดยนายชัยวัฒน์ ได้เข้าเจรจาเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ก็ไม่เป็นผล

ต่อมา พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้เดินทางมาเจรจากับผู้ชุมนุมด้วยตัวเอง โดยผู้ชุมนุมได้เขียนหนังสือขออนุญาตผ่านไปยังรัฐสภา แต่พล.ต.ต.วิชัย ไม่อนุญาต โดยให้เหตุผลว่าเป็นพื้นที่ในพ.ร.ก.มั่นคง และยินยอมเซ็นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรว่าไม่ยินยอมให้ผู้ชุมนุมเข้าพื้นที่

จากนั้น นายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงาน เครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ได้อ่านแถลงการณ์คัดค้านแก้ไขรัฐธรรมนูญหน้าด่านตำรวจ บริเวณด้านข้างพระที่นั่งอนันตสมาคม พร้อมกล่าวว่า จะนำหนังสือที่ พล.ต.ต.วิชัย เซ็นไม่ยินยอมให้เข้ารัฐสภาไปฟ้องศาลต่อไป 

แถลงการณ์เครือข่ายประชาชนหัวใจรักชาติ

เรื่อง คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 โดยไม่ฟังเสียงของประชาชน

ตามที่นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ได้มีคำสั่งนัดประชุมร่วมรัฐสภา ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554  เพื่อลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 93 ,98 และ มารตรา 190 ตามคณะรัฐมนตรีเสนอ อันเป็นการประชุมวาระที่ 3 ซึ่งเครือข่ายประชาชนหัวใจรักชาติมีจุดยืนคัดค้านมาโดยตลอด เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นการแก้ไขเพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ซึ่งประชาชนและประเทศชาติมิได้ประโยชน์ใดเลย

สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 190 (ตามร่างเสนอโดยครม.) เครือข่ายประชาชนหัวใจรักชาติ เห็นว่า จะทำให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติอย่างยิ่งยวดทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและความมั่นคงของประเทศ และมีเนื้อหาหมกเม็ด ขั้นตอนการตรวจสอบจากภาคประชาชนและสมาชิกรัฐสภา รวมทั้งเชื่อมโยงเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับบันทึกข้อตกลงเขตแดนไทยกัมพูชา (MOU 43 ) อันที่จะทำให้ผู้ที่กระทำความผิดในการทำ MOU 43 ตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปัจจุบันพ้นผิดและจะทำให้ประเทศเกิดความเสียหายในเรื่องดินแดน

การประชุมรัฐสภาในวันนี้มีข้อมูลจากส.ส.และส.ว.ระบุว่า มีการเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองที่จ่ายค่ายกมือผ่านการแก้ไขในครั้งนี้ เฉพาะส.ว. เป็นจำนวนเงิน 1,000,000-1,500,000 บาทต่อคน จึงเป็นผลให้รัฐบาลระดมเจ้าหน้าที่มาปิดกั้นพื้นที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้การประชุมรัฐสภาวันนี้บรรลุผล เพื่อประโยชน์ของรัฐบาล พรรคการเมือง และนักการเมืองที่ขายชาติ ที่มีการลงทุนด้วยเงินที่ทุจริตจากการใช้อำนาจและได้แจกจ่ายไปถึงส.ส.และส.ว.แต่ละคนเป็นการเรียบร้อยแล้ว

การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้จึงเป็นการกระทำที่อัปยศ ต่ำช้า ที่นอกจากจะผิดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญที่แก้ไขกติกาหลักของประเทศ  เพื่อเป็นประโยชน์แก่พรรคและนักการเมืองฝ่ายเดียวแล้ว ยังมีการซื้อมือของสมาชิกรัฐสภา เพื่อยกมือลงมติการแก้ไขสำเร็จอีกด้วย

ดังนั้นเครือข่ายฯ ขอคัดค้านและประณามการกระทำของสมาชิกรัฐสภาที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ของประเทศ โดยลงมติรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ว่า เป็นพฤติกรรมที่ขายชาติและหากสมาชิกรัฐสภา ยังดึงดันจะผ่านการลงมติ เครือข่ายฯ จะได้ถวายฎีกาเพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเร่งด่วนต่อไป