คมชัดลึก : "นายกฯ" ลั่นไม่มีอีโก้พร้อมคุย "ฮุนเซน" เมื่อถึงเวลา แจงผลการคุยโทรศัพท์กับเลขายูเอ็น เผยฝากบันคีมุนยังมองเป็นปัญหาสองชาติ ฝากจี้ยูเนสโก้อย่าเพิ่มแรงกดดันด้วยการขึ้นทะเบียนมรดกโลก
เมื่อเวลา 17.30 น. 9 ก.พ.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่อาคารรัฐสภา 1 ถึงผลการคุยโทรศัพท์กับนายบัน คี มุน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) เมื่อช่วงค่ำวันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมาว่า เมื่อคืนมีโอกาสคุยกับเลขาธิการองค์การสหประชาชาติทางโทศัพท์ ซึ่งยูเอ็นห่วงใยต่อสถานการณ์อย่างที่เราทราบ และขอให้ทั้งสองฝ่ายใช้ความอดกลั้นในการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี ซึ่งตนได้ยืนยันว่าในส่วนของประเทศไทยนั้นไม่มีความประสงค์ใช้ความรุนแรงใดๆทั้งสิ้นหรือจะไปรุกรานใคร แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อละเมิดอธิปไตยและมีการใช้อาวุธยิงเข้ามา เราก็มีความจำเป็นปกป้องตัวเองด้วยการตอบโต้เหมาะสมแก่เหตุ แล้วก็ยืนยันชัดเจนว่าการตอบโต้ของเราจะระวังคือจะตอบโต้ไปยังเป้าหมายที่เป็นที่มาของการใช้อาวุธ ก็เป็นเป้าหมายทางทหารทั้งนั้น
นายกฯ กล่าวอีกว่า แล้วก็เรียนให้เลขาฯยูเอ็นทราบว่าในขณะนี้เรามีพลเรือนจำนวนกว่าหมื่นคนที่ต้องอพยพจากบริเวณดังกล่าว และมีความเสียหาย และเมื่อนายบันคีมุนสอบถามว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นต่อตัวปราสาทพระวิหารหรือไม่ ตนก็บอกไปว่าพร้อมที่จะส่งภาพถ่ายต่างๆที่แสดงให้เห็นถึงการใช้ปราสาทพระวิหารไปในเรื่องของการทหาร ไม่ว่าจะเป็นการมีอาวุธหรือใช้กำลังจากที่นั่น ซึ่งขัดกับเจตนารมณ์ที่จะให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ทางวัฒนธรรม เป็นมรดกโลก
“แล้วผมก็เรียนกับท่านเลขาฯยูเอ็นอีกด้วยว่า ผมเคยบอกกับท่านตั้งแต่ปีที่แล้วว่าความตึงเครียดมันจะเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ ตราบเท่าที่ยังมีแรงกดดันจากปัญหาของการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของกัมพูชา เพราะว่าทางกัมพูชาก็รู้สึกกดดันว่าต้องมาจัดการพื้นที่ตรงนี้ ในขณะซึ่งเป็นพื้นที่ที่ฝายไทยถือว่าเป็นของไทยก็ย่อมจะเกิดปัญหา ท่านก็รับว่าจะไปติดตามเรื่องนี้กับทางยูเนสโก้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซีย ฐานะประธานอาเซียนก็ได้เดินทางมาพบกับสองฝายแล้ว และสนับสนุนให้เราเจรจากันในกลไกของทวิภาคีซึ่งยังมีและใช้การอยู่ และตนได้แจ้งด้วยว่ารมว.ต่างประเทศของไทยและกัมพูชายังมีนัดหมายในการประชุมกัน ฉะนั้นหนทางของการแก้ปัญหาโดยการเจรจาทวิภาคีอย่างที่ยูเอ็นต้องการยังเป็นหนทางที่เปิดกว้าง ไม่ได้มีการปิดกั้นแต่อย่างใด
“ท่านเพียงแต่บอกว่าถ้ามีอะไรที่สหประชาชาติจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ก็ให้แจ้งไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เพราะฉะนั้นโดยรวมคิดว่าได้อธิบายข้อเท็จจริงชัดเจน รวมทั้งได้พูดถึงประเด็นที่มาปัญหาของมรดกโลกด้วย รวมถึงการยืนยันว่าเรายังมีกลไกอื่นๆที่จะดูแลทั้งในส่วนของทวิภาคี และจากการที่เพื่อนๆในอาเซียนให้การสนับสนุนในการแก้ไขปัญหาระดับทวิภาคี ก็คิดว่าเลขาฯยูเอ็นก็คงเข้าใจ คงจะได้มีการติดต่อไปทางสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเหมือนกัน
เมื่อถามว่านายบันคีมุนยังมองเป็นเรื่องของ 2 ประเทศใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใช่ครับ เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในลักษณะที่ต่างฝ่ายต่างอ้างว่าปกป้อง ขณะนี้สถานการณ์ก็หยุดลงในระดับหนึ่ง แต่เขาคงติดตามดูสถานการณ์และประมวลข้อมูลต่างๆ เมื่อถามว่า สถานการณ์ขณะนี้คนที่อพยพจะกลับเข้าบ้านได้เมื่อไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ได้หารือกันในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เราอยากให้เกิดความมั่นใจ เพราะหากกลับไปแล้ว แล้วมีเหตุอีกคงไม่ดี ฉะนั้นเราจะเดินหน้าเร่งทำให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว แต่ให้เกิดความมั่นคง ซึ่งขณะนี้เป็นการพูดคุย และต้องนำมาสู่แนวปฏิบัติในพื้นที่จริงๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุใดยังมีการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (UNSC) เพื่อพิจารณากรณีไทย-กัมพูชา ในเมื่อชี้แจงเข้าใจแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ทั้ง 2 ฝ่าย ทำหนังสือถึงยูเอ็นเอสซี คาดว่าคงได้มีการสอบถามข้อมูลจากทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ มีความพร้อมในการชี้แจง เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าการประชุมจะไม่ถูกแทรกแซงจากยูเอ็น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รวมถึงสิ่งที่มีการยืนยันขณะนี้เรื่องกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ และกรณีอาเซียน ที่เข้ามาสนับสนุน ตนคิดว่ายูเอ็นคงจะสนับสนุนให้เราดำเนินการในส่วนของเรากันเองมากกว่า เมื่อถามว่า กัมพูชายังไม่พร้อมที่จะยึดการแก้ปัญหาทวิภาคี แต่เรียกร้องให้ยูเอ็นเข้ามา การเรียกร้องของเราจะมีความเข้มแข็งแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าอาเซียนได้แสดงท่าทีชัดเจนในการแก้ไขปัญหา ฉะนั้นตนคิดว่าตรงนี้มีน้ำหนัก
เมื่อถามว่าคณะกรรมการมรดกโลกจะส่งตัวแทนเข้ามาดูพื้นที่ปราสาทเขาพระวิหาร ในวันที่ 14 ก.พ. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “คงไม่เหมาะหรอกครับ เพราะเราได้แจ้งไปอย่างชัดเจนว่าความตรึงเครียดที่เกิดจะยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ตรงนี้คือปัญหาที่เราพยายามสื่อสารกับเขามาตลอด ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศได้คุยและทำความเข้าใจกับเขาแล้ว” เมื่อถามว่าท่าทีของยูเนสโกยังไม่เข้าใจสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นายบัน คี มุน บอกว่าจะคุยกับยูเนสโก เพราะสิ่งที่เราได้พูดเป็นสิ่งที่พิสูจน์โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เมื่อถามว่านายบัน คี มูน จะไปคุยอย่างไรเพื่อให้มีการระงับ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้ย้ำไปว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ตนเพิ่งมาพูดหลังจากเกิดเรื่อง แต่ตนเคยคุยกับท่านปลายปี 2553 ว่าเรื่องมรดกโลกเป็นปัญหามากในการเพิ่มความตรึงเครียดในพื้นที่ ฉะนั้นยูเนสโกควรทบทวนท่าทีของตนเองในเรื่องนี้ ซึ่งการคุยเมื่อวานตนได้ย้ำไปอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งท่านก็บอกว่าจะไปคุยกับยูเนสโก
เมื่อถามว่าทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องมรดกโลกคืออะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่ายูเนสโกควรจะหยุดเรื่องการกดดันในการกำหนดตารางเวลา ว่ากัมพูชาจะต้องมีแผนบริหารจัดการพื้นที่ ในขณะที่พื้นที่ยังมีปัญหากันอยู่ ควรรอให้กระบวนการขอการจัดทำหลักเขตต่างให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยก่อนค่อยมาดำเนินการ เมื่อถามว่าควรชะลอและทบทวนการขึ้นปราสาทเขาพระวิหารขึ้นเป็นมรดกโลกใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในชั้นนี้ตนคิดว่าควรรอให้การทำงานตามกลไกของการจัดทำหลักเขตแดนชัดเจน เมื่อมีความชัดเจนแล้วตนคิดว่าจะมีคำตอบในตัวของมันเอง ว่าควรจะเดินต่ออย่างไร เมื่อถามว่า ควรชะลอแผนบริหารรอบพื้นที่ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใช่ครับ เพื่อจะลดแรงกดดันทั้งหมด แรงกดดันต่อกัมพูชาที่มีความรู้สึกว่าต้องมาทำอะไรก้ตามในพื้นที่นี้ และแรงกดดันต่อไทยซึ่งยืนยันว่าคนอื่นจะเข้ามาบริหารจัดการพื้นที่นี้ไม่ได้
เมื่อถามว่าท่าทีของยูเนสโกควรเกิดก่อนจะมีการประชุมในเดือนมิถุนายน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถูกต้อง อันนี้คือสิ่งที่เราจะเดินต่อ ซึ่งนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะเดินทางไปในช่วงนี้เพื่ออธิบาย เมื่อถามว่า หากยูเนสโกไม่ฟังแล้วยังส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาจะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่หรอก ตนคิดว่าเขาต้องฟัง เพราะถ้าเกิดเขามาแล้วยิ่งก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นไม่ได้เป็นผลดีกับใครเลย
เมื่อถามว่าถึงเวลาที่นายกฯจะคุยกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาแล้วหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ที่ประสานงานในฝ่ายต่างๆยังทำงานกันอยู่ ซึ่งเขาจะบอกได้ว่าการพูดคุยควรจะเป็นระดับไหนเมื่อไร ขณะนี้ตนคิดว่าควรทำความเข้าใจกันอีกระยะหนึ่ง และต่างฝ่ายต่างดูความเคลื่อนไหวอีกฝ่ายหนึ่ง ตนคิดว่าหากเหตุการณ์สามารถคงไว้ไม่ให้เกิดปัญหาอีกระยะหนึ่งมันจะง่ายขึ้น เมื่อถามว่าคิดว่าสามารถประคับประคองไม่ให้สถานการณ์เกิดขึ้นอีกได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราทำอย่างเต็มที่ แต่เราต้องปกป้องตัวเองอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน
เมื่อถามว่าการอภิปรายในสภามีการพูดกันว่านายกฯอีโก้สูงจึงไม่ยอมคุยกับสมเด็จฮุน เซน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “อ๋อไม่เกี่ยวหรอกครับ เขาก็พูดมีสิทธิที่จะวิจารณ์ เดี่ยวก็จะชี้แจงให้หมด” เมื่อถามว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องแสดงบทบาทพร้อมที่จะพูดคุยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ผมไม่ได้มีปัญหาหรอกครับ”
มาร์คลั่นไม่มีอีโก้พร้อมคุยฮุนเซน
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!


กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday