“เทพเทือก”ปัดเอี่ยวผลประโยชน์ปาล์มน้ำมัน

“สุเทพ” ไม่ตอบโต้ พธม.ปราศรัยโจมตีนักการเมือง “ส.” เอี่ยวผลประโยชน์ปาล์มน้ำมัน ยันไม่ใช่เรื่องจริง

เมื่อเวลา 08.15 น. วันที่ 4 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เริ่มออกมาเปิดประเด็นโจมตีการทุจริตของคนในรัฐบาล โดยหยิบยกว่า มีนักการเมืองชื่อย่อ ส.เข้าไปรับผลประโยชน์จากการแก้ปัญหาน้ำมันปาล์ม โดยได้สุเทพ ได้ย้อนถามว่า ส.หมายถึงสุเทพหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ตนเข้าใจดี เพราะคนที่พูดบนเวทีการชุมนุมนั้น มักพูดจาด้วยความไม่ชอบ และเกลียดชัง โดยไม่คำนึงว่าสิ่งที่พูดเป็นเรื่องจริง หรือเท็จ ซึ่งเท่าที่ตนฟัง ส่วนใหญ่สิ่งที่พูดก็ไม่ใช่เรื่องจริง แต่ถ้านำประเด็นที่ประชาชนสนใจมาขยายผลให้เกิดการเกลียดชังได้ก็ทำ

"เรื่องปาล์มน้ำมันนั้น คนส่วนใหญ่รู้กันดี เพราะเป็นกิจการที่คนในหลายจังหวัดดำเนินการอยู่ ซึ่งปีนี้มันเป็นปัญหาจริง ๆ ทั้งจากภาวะฝนแล้ง น้ำท่วม และภาวะอากาศที่แปรปรวน ทำให้ผลผลิตขาดจำนวนมาก และความต้องการใช้ก็สูงขึ้น แต่เราจะผลีผลามนำเข้ามาทีเดียวกันล้าน ๆ ตัน คงไม่ได้ คณะกรรมการที่ดูแลเรื่องนี้ก็ร่วมกันพิจารณา และแก้ไขปัญหาไปตามสถานการณ์ โดยเดือน ม.ค.อนุญาตให้นำเข้า 3 หมื่นตัน แต่เห็นว่ายังไม่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ ก็อนุญาตให้นำเข้าอีก 1.2 แสนตัน ซึ่งคิดว่าคงจะดีขึ้น" นายสุเทพ กล่าว
 
เมื่อถามว่า บนเวทีการชุมนุมใช้ถ้อยคำค่อนข้างรุนแรง เช่น ขายชาติ จะมีฟ้องกลับหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ที่พอจะอดทนกันได้ก็อดทนกันดีกว่า

เมื่อถามว่า ข้อมูลที่ พธม.นำมาเปิดเผย จะเป็นการช่วยเพิ่มข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คนละอย่างกัน เวลาไปพูดจาในสภาฯ ตนก็ต้องชี้แจง เพราะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ แต่บนเวทีชุมนุม ถ้าตนไปตอบโต้ ก็จะเป็นเรื่องวุ่นวายไม่มีที่สิ้นสุด

เมื่อถามว่า คนที่เข้าไปดูแลปัญหาปาล์มน้ำมัน ทำไมไม่เป็น นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกฯ ที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ แต่กลับเป็นนายสุเทพ

รองนายกฯ ชี้แจงว่า เพราะตอนนั้น นายกฯ มีนโยบายให้เกษตรกรทั่วประเทศมีรายได้ และขายสินค้าเกษตรได้ดีขึ้น จึงได้แบ่งหน้าที่กันทำ โดยนายกฯ ก็ดูแลเรื่องข้าว นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตรองนายกฯ ก็ดูแลเรื่องข้าวโพด มันสำปะหลัง ส่วนตนดูแลสินค้าทางภาคใต้ ได้แก่ ปาล์มน้ำมัน ยางพารา และกุ้ง เป็นต้น ซึ่งตอนนั้นนายไตรรงค์ ยังไม่ได้เข้ามาเป็นรองนายกฯ.