ทูตไทยประจำ กต.อุ้ม“มาร์ค”ถือสัญชาติไทย

ทูตไทยประจำ กต. อุ้ม “มาร์ค” ถือสัญชาติไทย ศาลอาญาระหว่างประเทศไม่มีอำนาจรับฟ้องคดีสลายม็อบแดง อ้างไทยไม่ใช่รัฐภาคีโดยสมบูรณ์

วันนี้ (2ก.พ.) ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ส.ส. อุดรธานี เป็นประธาน โดยได้พิจารณากรณีที่สำนักงานทนายความอัมสเตอร์ดัมแอนด์เปรอฟ โดยนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความนปช.ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศหรือไอซีซี  ข้อหาการก่ออาชญากรรมระหว่างมนุษยชาติกรณีสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช.  โดยกรณีนายอภิสิทธิ์ได้อ้างว่าถือสัญชาติอังกฤษเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการยื่นฟ้อง ซึ่งมีนายอิศร ปกมนตรี เอกอัครราชทูตไทยประจำกระทรวงการต่างประเทศ เข้าชี้แจง โดยระบุว่า ศาลอาญาระหว่างประเทศมีขอบเขตอำนาจในรัฐภาคีเท่านั้น ไม่ใช่ครอบคลุมทุกประเทศ สำหรับประเทศไทยได้ลงนามเป็นสมาชิกแต่ไม่ได้ลงสัตยาบรรณ จึงมองว่าเรื่องนี้ศาลอาญาระหว่างประเทศมีอำนาจครอบคลุมหรือไม่เพราะไทยไม่ได้เป็นรัฐภาคีโดยสมบูรณ์ ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศได้สั่งให้สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำอังกฤษตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว  

นายอิศร กล่าวว่า สำหรับประเด็นสัญชาติ ส่วนตัวคิดว่าโดยข้อเท็จจริงเมื่อนายกรัฐมนตรีเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งกฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนดคุณสมบัติว่าต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย การอ้างว่านายกรัฐมนตรี เกิดที่ประเทศอังกฤษก็เป็นความจริงแต่คิดว่าได้จดทะเบียนขอสัญชาติไทยที่สถานทูตไทยประจำอังกฤษ ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่เช่นนั้นคงรับราชการ เป็นส.ส.และเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ อย่างไรก็ตามหากศาลอาญาระหว่างประเทศรับพิจารณาคดี  ก็เป็นเรื่องที่อัยการสูงสุดจะเข้ามาดูแลเพราะเป็นกรณีบุคคลในภาครัฐถูกฟ้อง

ด้านนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทยในฐานะกรรมาธิการซีกฝ่ายค้าน กล่าวว่า หากนายอภิสิทธิ์ยังไม่เคยสละสัญชาติอังกฤษก่อนขอสัญชาติไทยก็เท่ากับว่ายังถือสัญชาติอังกฤษอยู่  ซึ่งอาจเข้าข่ายถูกยื่นฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศได้    อย่างไรก็ตามนายวรวัจน์ ได้ติดใจกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่านายอภิสิทธิ์ยังไม่เคยสละสัญชาติอังกฤษ และได้เสนอบรรจุเป็นญัตติพร้อมออกหนังสือเชิญนายอภิสิทธิ์ เข้าชี้แจงต่อที่ประชุมกรรมาธิการการต่างประเทศในสัปดาห์หน้า โดยนายต่อพงษ์ ได้สั่งการให้เอกอัครราชทูตไทย ประจำกระทรวงต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ เลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก หนังสือเดินทาง และใบแจ้งเกิด ต่อสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำอังกฤษ ของนายอภิสิทธิ์เพื่อประกอบการประชุมพิจารณาศึกษาของกรรมาธิการในสัปดาห์หน้า