พนิชจวกศาลเขมรไม่เป็นธรรม วีระ-ราตรีถูกตัดสินไม่รอลงอาญา

ที่รัฐสภา นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ศาลชั้นต้นกัมพูชาตัดสินจำคุกนายวีระ สมความคิด 8 ปี และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ 6 ปี

โดยถูกตั้งข้อหา 3 ข้อหา คือ เข้าเมืองผิดกฎหมาย เข้าพื้นที่ทหารโดยไม่ได้รับอนุญาต และประมวลข้อมูลอันเป็นภัยต่อการป้องกันประเทศ หรือจารกรรมข้อมูล ว่า ตนรู้สึกเสียใจที่ศาลกัมพูชามีคำสั่งพิพากษาจำคุกนายวีระ และ น.ส.ราตรี โดยที่ไม่มีการรอลงอาญา ซึ่งในฐานะที่ตนได้ร่วมเผชิญชะตากรรมกับบุคคลทั้ง 2 มีความเห็นใจและผิดหวังกับคำพิพากษาของศาลกัมพูชาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะข้อหาที่เพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวกับการจารกรรมนั้น ตนคิดว่าไม่เป็นธรรม เพราะคนเหล่านี้ไม่มีเจตนา การเดินทางไปพวกตนไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ และกล้องวิดีโอและกล้องถ่ายภาพนิ่งจะถูกทหารของกัมพูชายึดไปตั้งแต่ต้น แต่ในขณะที่ถูกควบคุมตัวในบริเวณที่ดูเหมือนกับค่ายทหารนั้น น.ส.ราตรีได้นำกล้องรูเข็มออกมาถ่ายในบริเวณที่ถูกควบคุมตัว จึงทำให้ฝ่ายกัมพูชาเข้าใจว่าคนเหล่านี้มีเจตนาในการจารกรรมข้อมูล

"ผมยืนยันได้ว่านายวีระและ น.ส.ราตรีไม่มีเจตนา เพราะในระหว่างที่ผมอยู่กับคนทั้ง 2 นายวีระเข้าใจมาโดยตลอดว่า กล้องรูเข็มนั้นไม่สามารถบันทึกภาพได้ อาจด้วยเหตุผลหลายๆ ประการในเรื่องของเทคนิค ทำให้ไม่สามารถบันทึกภาพได้ และ น.ส.ราตรีเองก็ลองถ่ายภาพเล่นๆ จากกล้องรูเข็ม หรือถ่ายเป็นที่ระลึกเท่านั้น โดยไม่มีเจตนาอย่างอื่นเลย ดังนั้นข้อหาจารกรรมข้อมูลจึงไม่เป็นธรรม" นายพนิชกล่าว

นายพนิชกล่าวว่า ในฐานะที่เป็นสมาชิกในฝ่ายนิติบัญญติ จะพยายามอย่างเต็มที่ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพวกตนทั้งหมด

ไม่ว่าจะต้องให้ตนกลับไปขึ้นศาลอีกครั้งก็ตาม นอกจากนี้ ตนจะประสานงานกับรัฐบาล เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงและใช้ความสัมพันธ์ที่ดีของสองประเทศในการช่วยเหลือต่อไป ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือให้คนไทยทั้งสองกลับมาสู่อ้อมกอดของคนไทยโดยเร็วที่สุด

นายพนิชกล่าวว่า สำหรับการยื่นอุทธรณ์ของตนนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับจากวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา โดยตนจะสู้คดีโดยการขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่ถูกตั้งขึ้นอย่างไม่เป็นธรรม