จำลองจวกนายกฯ-เทพ-ประวิตรโกหกรายวัน

“จำลอง” อัดกลับ”อภิสิทธิ์- เทพ-ประวิตร” ไล่ไปเอาดินแดนคืนจากเขมรดีกว่าโกหกรายวัน ขี้ขลาด สงสารกองทัพ

วันนี้ 1 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า    ที่หน้าประตูกระทรวงศึกษาธิการ แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯร่วมแถลงข่าวโดยพล.ต.จำลอง ศรีเมือง กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีออกมายืนยันว่าการดำเนินของรัฐบาลได้ทำตามข้อมูลที่เป็นจริงซึ่งต้องให้เอ็มโอยู 43 แก้ไขปัญหาชายแดนไทย- กัมพูชาเท่านั้นและไม่ยอมรับข้อมูลของพันธมิตรฯ ว่าประชาชนได้ฟังย่อมรู้ดีว่าข้อมูลของใครแท้จริงซึ่งข้อมูลของพันธมิตรฯได้พิสูจน์ว่าเป็นข้อมูลมาเป็นลำดับ เช่นการออกมายืนยันว่าไทยเสียดินแดนบางส่วนให้เขมรมานานแล้ว คือพื้นที่ 4.6 รางกิโลเมตร เป็นจำนวน 2.8 พันไร่ แต่รัฐบาลก็ยันมาตลอดไม่เสีย จนถึงขณะนี้ได้มีชาวบ้านผู้ได้รับความเดือดร้อนเข้าที่ทำกินไม่ซึ่งเป็นชาวบ้านแท้ที่มีเอกสารสิทธิ แต่นายกรัฐมนตรี ก็กลับฟังข้อมูลจากชาวบ้านที่ไม่มีแม้แต่ทะเบียนบ้านอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวเพราะไม่เกิดที่จังหวัดสระแก้วเป็นคนจากที่อื่นย้ายไปอยู่ที่หลัง ไม่เข้าใจว่านายอภิสิทธิ์ ทำไมถึงอยากยกพื้นที่ประเทศไทยให้เขมร

ผู้สื่อข่าวถามว่านายอภิสิทธิ์ ระบุว่าพันธมิตรฯโจมตีรัฐบาลว่าขายชาติ ซึ่งพันธมิตรฯก็อาจจะโดนข้อหาขายชาติด้วยเพราะการให้ยกเลิกเอ็มโอยู ถอนตัวจากมรดกโลก

เท่ากับยกพื้นที่ให้กัมพูชาไปง่ายๆโดยไม่มีเครื่องมือต่อรองใดๆ พล.ต.จำลอง กล่าวว่าไม่ใช่สิ่งที่นายกรัฐมนตรีกำลังพยายามทำให้ประชาชนสับสนที่เอาชาวบ้านมานั่งพูดโกหก เพราะนายกฯโกหกทุกวัน จึงต้องหาข้อมูลที่โกหกมายืนยันให้กับนายกรัฐมนตรีเพื่อให้คนไทยเชื่อสิ่งที่นายกรัฐมนตรีไทยโกหกมาตลอด การรักษาอธิปไตยของประเทศทำได้ทันทีหากยกเลิกตามข้อเรียกร้องของพันธมิตรฯ 3 ข้อ จะได้ดินแดนที่เสียไปกลับคืนมาและไม่เสียดินแดนให้เขมรอีกต่อไปผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนก็ออกมายืนยันว่าถ้ายกเลิกถอนตัวจากมรดกโลกเราไม่เสียดินแดนแน่และจะได้คืนแต่นายอภิสิทธิ์พยายามบิดเบือนโกหกจนจำไม่ได้ว่าโกหกเรื่องะไรไว้บ้างจนคนจำไม่ได้ว่านายกรัฐมนตรีทำอะไรเพื่อรักษาและรับผิดชอบต่อประโยชน์ประเทศชาติ ซึ่งต้องถามว่าใครขายชาติกันแน่ ที่เป็นรัฐบาลแล้วไม่ยอมทำอะไรเลย ทำให้พันธมิตรฯต้องปักหลักชุมนุมต่อไปเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาทำหน้าที่ปกป้องประเทศและดินแดนไทย

พล.ต.จำลอง กล่าวว่านายกรัฐมนตรี ไม่ต้องมาเจรจาให้เสียเวลาอันมีอยู่น้อยนิดไปลองทำตามข้อเรียกร้องทั้งสามข้อว่าจะเสียเปรียบกัมพูชาหรือไม่

และไม่ต้องมาถามว่าใครจะรับผิดชอบหากยกเลิกไปแล้วเกิดความเสียเปรียบเพราะทุกวันนี้นายอภิสิทธิ์ ก็ไม่เคยมีความรับผิดชอบอะไรซักอย่าง ไม่อย่างนั้นคนไทยทั้ง 7 คนได้รับอิสระภาพกลับประเทศไทยอย่างไม่มีมลทินก็ตาม ซึ่งยืนยันไม่ว่าศาลกัมพูชาจะตัดสินพิพากษาออกมาอย่างไร พันธมิตรฯก็จะปักหลักชุมนุมเพื่อให้ได้ตามข้อเรียกร้อง เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชามาทั้งหมดเป็นเครื่องพิสูจน์ชัดเจนแล้วว่าเอ็มโอยู 43 หรือคณะกรรมการเจบีซี ไม่ได้ช่วยทำให้ประเทศไทยได้เปรียบกัมพูชา กลับทำให้กัมพูชาลุกลานดินแดนไทยได้เรื่อยๆโดยผ่านเอ็มโอยู 43 เพราะไม่ว่าประเทศใดก็เข้าใจทั้งหมดว่าการทำสัญญาเอ็มโอยู 43 เท่ากับไทยยอมรับแผนที่ 1ต่อ 2 แสนไปแล้ว ดังนั้นอย่านำไปอ้างต่อคณะกรรมการมรดกโลกอีกเลย เพราะการที่คณะกรรมการมรดกจะขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ครั้งแล้ว ไม่เคยมีการนำเอาเอ็มโอยู 43 ไปพิจารณาด้วยเลย มีแต่รัฐบาลไทยหัวใจเขมรยังยกย่องเอ็มโอยูอยู่ว่าเป็นเครื่องมือปกป้องดินแดนไทยได้ แต่ที่เห็นกันอยู่แล้วทางการเขมรก็แถลงออกมาโต้งๆว่าพื้นที่ 4.6 ตางรางกิโลเมตรเป็นของกัมพูชา

แต่รัฐบาลและทหารไทยทำได้แต่เพียงปักป้ายยืนยันว่าเป็นพื้นที่พิพากอ้างสิทธิสองประเทศ และไปปักนอกเขตพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเสียอีก

เท่ากับว่ารัฐบาลยอมยกให้เขมรไปแล้วครึ่งหนึ่งและยังมาอ้างจะมีขั้นตอนเจรจาแต่กัมพูชาเจรจาไปลุกล้ำพื้นที่ไทยไปเรื่อยๆ โดยใช้ข้อสงวนจากเอ็มโอยูว่าห้ามเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมใดๆและห้ามใช้กองกำลังทหารต่อขั้นตอนการเจรจา ซึ่งทำกัมพูชาได้เปรียบทำทุกอย่างตามข้อสงวนโดยไม่ต้องรื้อวัดและชุมชนออกไป

พล.ต.จำลอง กล่าวยืนยันว่าในเรื่องธงชาติที่ติดเสาธงวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระจะต้องเอาลงทันทีและรื้อวัดชุมชนออกไปให้หมด เป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีต้องดำเนินการทันที อย่ามามัวเอาชาวบ้านตัวปลอมมาตอบโต้พันธมิตรฯหรือมาเจรจามันเสียเวลาเปล่าประโยชน์ไปมากแล้ว เอาเวลาไปเอาพื้นที่คืนจากเขมร


ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าพันธมิตรฯพยายามยั่วยุให้เกิดสงครามและชาวบ้านที่นั้นเป็นผู้รับเคราะห์

อยากให้คนเสนอไปยืนรบที่ชายแดนจะกล้าหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวโต้ว่านายสุเทพ เป็นรองนายกฯฝ่ายความง่อนแง่น ไม่ใช่ฝ่ายความมั่นคง จึงเป็นคนขี้กลัวกัมพูชามากท้านายสุเทพ กล้าไปยืนชายแดนตอนเกิดสงครามหรือไม่เพราะ จะพูดอะไรก็กลัวกัมพูชาจะโกรธ ต้องทำเงียบๆกลัวคนไทยโดนลงโทษแรง ตนขอบอกคนอย่างนายสุเพท ต้องขี้กลัวไว้ก่อนเพราะแผลเยอะ อย่างตนไม่เคยกลัวไปอาสาไปรับที่ลาว สอบไปรบที่เวียดนามมา หากจะให้ไปยืนชายแดนไทยตนพร้อมไปทุกเมื่อแม้เป้นทหารแก่ๆก็ไม่เคยกลัวแต่ รองนายกฯอย่าให้ผู้ว่าสระแก้ว เกณฑ์ชาวบ้านที่ไม่ได้รับความเดือดร้อนมามาต่อต้านพวกพันธมิตรฯอีก

ส่วนกรณีที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีกลาโหม ออกมาระบุว่าธงกัมพูชาผืนเล็กนิดเดียวที่ติดบนเสาวันแก้วฯ แกนนำพันธมิตรฯ
 
ได้นำธงชาติสองผืนขนาดใหญ่และขนาดเล็กมาอธิบายพร้อมแจงว่าไม่ว่าธงชาติจะผืนเล็กหรือผืนใหญ่อย่างธงชาติไทยถ้ามีสัดส่วนที่ถูกต้องกว้าง 3 ยาว 5 ก็ถือเป็นธงชาติทั้งนั้น ไม่ทราบว่าพล.อ.ประวิตร เรียนหนังสือมาหรือเปล่าจึงไม่รู้ว่าเป็นธงชาติ ซึ่งเป็นเรื่องน่าสงสารที่กองทัพไทยมีรัฐมนตรีกลาโหมแบบนี้ พอมีเรื่องกับกัมพูชาก็ของบประมาณซื้ออาวุธ 1.3 แสนล้าน ลองนับดูจะกองมหึมาแค่ไหน แต่ซื้อมาไม่ทำอะไร เอาแค่แสดงแสนยานุภาพให้เด็กดูในวันเด็ก และอวดผู้ใหญ่ในวันสวนสนาม จะซื้อมาอีกทำไมทั้งที่กองทัพมาอาวุธอยู่แล้วเหลือเฟือ และประเทศไทยใหญ่โตกว่าเขมรที่เล็กกิจิดริดกลับถูกเขมรตอกหน้าทั้งปักป้ายแถลงการณ์ย่ำยี่ข่มขู่เอาทุกวัน แต่รัฐบาลไม่เคยทำอะไร ได้แค่เอาป้ายออกก็มาจากพันธมิตรฯมาชุมนุม ดังนั้นพันธมิตรฯจะอยู่อย่างนี้ต่อไป ซึ่งจะยกระดับการชุมนุมกดดันหรือเคลื่อนไหวไปไหนจะดูตามสถานการณ์ หลายคนบอกว่าเวลาเขมรไม่พอใจไทยก็จะเผาสถานทูตไทย ซึ่งเราคงไม่ทำอย่างนั้น อย่ามาชี้โพรงให้กระรอก ซึ่งไม่ยืนยันว่าจะเคลื่อนไหวไปไหน เราไปได้ทั้งนั้น

พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่าตนทราบข้อมูลจากวงในว่ารัฐบาลไม่ทำอะไรกับเขมรแต่จะมาทำกับพันธมิตรฯเพื่อให้การชุมนุมไม่ประสบผลสำเร็จและต้องการเรื่องข้อเรียกร้องสามข้อเงียบไป

โดยใช้วิชามาร 3 ข้อเพื่อกลั่นแกล้งการชุมนุมทุกวิธีโดยให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาเจรจาเปิดช่องทางจราจรเพื่อให้รถวิ่งผ่านในพื้นที่ชุมนุมออกไปให้ได้ และจ้างคนภายนอกมาปั่นป่วนก่อความวุ่นวายเพื่อให้เกิดทะเลาะวิวาทกับผู้ชุมนุมจนต้องเรียกตำรวจมาระงับเหตุก็จะทำลายความน่าเชื่อถือของการชุมนุมลงได้ รวมทั้งสุดท้ายสั่งสลายการชุมนุมพันธมิตรฯ ซึ่งขอบอกว่าอย่าทำ หากทำวันนี้พรุ่งนี้ก็มาใหม่ ไม่มีทางเลิกแน่นอน เพราะเรียกร้องมาสองปีแล้วไม่ใช่เพียงหนึ่งสัปดาห์เพราะถ้าไม่ยกเลิก 3 ข้อเราต้องเสียดินแดนอีกมาก

ด้านนายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า

การออกแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่ตอบโต้กัมพูชา เป็นเรื่องที่ดีแต่ล้มเหลวทางการทูตอย่างสิ้นเชิงเพราะในข้อที่ 4 ที่ประกาศชัดเจนว่าพื้นที่ 4.6 ตามรางกิโลกเมตรเป็นพื้นที่ของไทยและวัดแก้วสิกฯต้องรื้อออกไป แต่ไม่มีการกำหนดกรอบวันเวลาที่ชัดเจนว่าเมื่อไหร่ที่ต้องรื้อถอนออกไปต้องนี้ทำให้การแถลงการณ์ดังกล่าวไม่มีผลผูกมัดต่อทางการกัมพูชาเลย รวมทั้งแถลงการณ์ข้อสุดท้ายยังระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ระหว่างการเจรจาในกรอบของคณะกรรมการปักปันเขตแดนหรือเจบีซี ก็ยิ่งชัดเจนว่ารัฐบาลไทยยอมให้วัดแก้วฯและการลุกล้ำของเขมรยังมีอยู่ต่อไปเพราะต้องรอการเจรจาของคณะกรรมการเจบีซี ซึ่งไม่รู้ว่าจะกำหนดการเจราได้เมื่อไหร่แน่ ทำให้เห็นว่าการทูตไทยอ่อนเชิงมากต่อกัมพูชาและไทยยังพยายามที่รักษาความสัมพันธ์สองประเทศไว้แต่เขมรไม่เคยคำนึงถึงเลย ทั้งนายกรัฐมนตรีไทย ยังออกมาช่วยกัมพูชาตลอดยอมเอชาวบ้านมาจัดฉากยกพื้นที่ไทยให้กัมพูชา และการที่นากอภิสิทธิ์ บอกว่าเป็นไม่ได้ที่จะโกหกเพราะอยู่ในฐานะต้องรับผิดชอบ ก็เห็นอยู่ว่านายอภิสิทธิ์ ไม่เคยรับผิดชอบอะไรมีเพียงออกมาทำทุกอย่างเพื่อกันตัวไว้ไม่ให้มีความผิดจึงตั้งหน้าตั้งตาโกหกรายวันเพื่อให้พ้นผิดเท่านั้น


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์