พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า
ตลอดแนวชายแดนยังไม่มีปัญหาอะไรขณะนี้ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ได้มีการจัดเตรียมกำลัง ยุทโธปกรณ์ให้พร้อมในการรรักษาพื้นที่ตามแนวชายแดนให้ปลอดภัย ประเด็นสำคัญที่มีปัญหาอยู่ในปัจจุบันจะต้องหาทางแก้ไขปัญหาด้วยการพูดคุยกันในระดับเจบีซี ซึ่งขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการอยู่ เพื่อจัดให้มีการประชุมเจบีซีให้ได้ การใช้กำลังเป็นเหตุการณ์สุดท้ายที่เราจะปฏิบัติ เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ต้องหาทางพูดคุย เจรจาให้รู้เรื่อง ขณะนี้เรายังไม่มีการเสียดินแดนอะไรทั้งสิ้น กำลังทหารเรามีการเตรียมพร้อมตลอดแนวชายแดน ส่วนฝ่ายกัมพูชาได้มีการเตรียมความพร้อมเช่นกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายไม่มีเจตนาจะรุกล้ำเข้าเขตแดนซึ่งกันและกัน ส่วนกรณีที่ทหารกัมพูชามีการเคลื่อนย้ายกำลังรถถัง และอาวุธขนาดใหญ่เข้าประชิดชายแดนนั้น เป็นการเตรียมความพร้อม เพราะมีข่าวกล่าวอ้างว่า จะมีการใช้กำลัง เขาจึงมีการเตรียมความพร้อมในการป้องกันประเทศเขาเช่นกัน
“ขณะเดียวกันเราก็ต้องป้องกันประเทศเรา ต่างฝ่ายต่างเคลื่อนในประเทศของตนเอง เพื่อเป็นการปรับเคลื่อนย้ายกำลังเตรียมรับสถานการณ์ ซึ่งถือว่า ปฏิบัติเป็นประจำอยู่แล้ว รวมถึงเรื่องการฝึก เราจำเป็นต้องใช้พื้นที่ ซึ่งการปฏิบัติการทางยุทธวิธีจำเป็นต้องเป็นพื้นที่ที่เราคุ้นเคย ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่เราต้องทำความเข้าใจว่า เป็นหลักการพื้นฐานในหลักการทางยุทธวิธีที่จะต้องฝึกในพื้นที่ที่มีการใช้กำลังมาก หรือมีการสับเปลี่ยน หรือวางแผน รวมถึงการใช้กำลังทางอากาศ โดยเรามีแผนปฏิยัติการทั้งหมด ไมใช่ว่า อยุ่ดีๆทหารจะเคลื่อนกำลังจากโน่นไปนี่ แต่เรามีการเตรียมแผนว่า แผนหลักคืออะไร จากนั้นเป็นแผนเผชิญเหตุ 1 2 3 ทั้งในการตีโต้ตอบ ซึ่งแผนทหารเขามีการเขียนไว้หมด ทหารไม่ใช่ว่า อยากทำอะไรก็ทำ หรือจะทำตามกระแส หรือทำตามใจไม่ได้ บางคนอาจคิดว่า ทำไมไม่ทำอย่างโน้น อย่างนี้ เรามีหลายวิธีที่จะดำเนินการทั้งวิธีละมุนละม่อม วิธีประนีประนอม หรือการเจรจา หรือการใช้ความรุนแรง จะต้องหาจุดกำหนดให้เจอและพูดคุยกัน ถ้าพูดคุยไม่รู้เรื่องและมีการเคลื่อนย้ายกำลังเข้าประชิดชายแดน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งการปฏิบัติงานมีแผนการใช้กำลงทุกกองทัพภาค รวมถึงการเตรียมนำกำลังลงไปตามแนวชายแดน การเตรียมกำลังกองหนุน การเตรียมกำลังการเคลื่อนย้าย หรือการสนับสนุนกำลังต่างๆ ซึ่งทั้งหมดต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้น ผมไม่อยากให้ถึงจุดนั้นเพราะสิ้นเปลือง ดังนั้นเราต้องช่วยกันลดระดับปัญหา เพราะสงครามไม่ใช่จะยิงกันแล้วเลิกง่าย ๆ เพราะต้องเอาทหารไปอยู่ตามแนวชายแดนมากขึ้น 2 - 3 เท่า รวมถึงการสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ซึ่งถือว่า สิ้นเปลือง และสังคมมองอยู่ เดี๋ยวหาว่า จัดซื้ออาวุธ แล้วเราจะทำอะไรได้บ้าง”ผบ.ทบ.กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่กัมพูชาปักธงชาติบริเวณวัดแก้วสิขาคีรีสวาระนั้น เมื่อเขาปักเราก็ได้ประท้วงว่า ผิดกติกาอย่างไร
ซึ่งเขารับเรื่องไปแล้ว รวมถึงกระทรวงต่างประเทศประท้วงไปแล้ว แต่หากมองว่า การปักธงเป็นการแสดงสิทธิ์ เราก็ปักของเรา ซึ่งเราได้ปักไปแล้วในพื้นที่อ้างสิทธิ์เหมือนกัน ธงของเราสูงกว่าเขาอีก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองฝ่ายต้องพูดคุยกัน เพราะเราปักธงในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเหมือนกัน ดังนั้นเขาต้องประท้วงเราเหมือนกัน ซึ่งตนดูในโทรทัศน์ธงของไทยใหญ่มาก และอยู่ในพื้นที่ทับสิทธิ์ ที่ต่างฝ่ายต่างแสดงความเป็นเจ้าของ ซึ่งตนได้ทำตามที่ได้มีการสั่งการมา ส่วนเรื่องธงจะเป็นชนวนเหตุให้เกิดการทำสงครมามหรือไม่นั้น ตนไม่อยากให้เกิดสงคราม การจะเกิดหรือไม่อยู่ที่ผุ้รับผิดชอบหรือผู้สั่งการ เรารู้ว่า สงครามจะเกิดขึ้นอย่างไร แต่ถ้าเรายุติด้วยการเจรจาก็จะจบ และไม่มีการบาดเจ็บสูญเสีย บ้านเมืองไม่เสียหาย เศรษฐกิจยังดี ประชาชนไม่เดือดร้อน แต่หากสู้รบและปะทะกันตามชายแดนจะต้องมีการปิดด่านและมีการปิดการสัญจร และถ้ามีการสู้รบขนาดใหญ่จะทำให้เกิดการสูญเสียและสิ้นเปลืองมาก ทหารมีการวิเคราะห์หมด แต่อย่าไปพูดต่อว่า จะชนะหรือแพ้ ถ้าทำสงครามมันก็ต้องชนะ ต่างฝ่ายต่างมุ่งเอาชนะซึ่งกันและกัน แต่ถ้าแก้ไขกันด้วยการเจรจาจะดีกว่าทำสงคราม ตอนนี้เราต้องดูแลบ้านเมืองให้ดี เพราะทั้งในและนอกประเทศเรามีปัญหาเยอะ ขณะนี้เราพยายามแก้กันไป