เมื่อเวลา 07.00 น.ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก(ขส.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก
ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางลงปฏิบัติภารกิจในพื้นที่จ.ปัตตานี เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์โดยเฉพาะการติดตามคนร้ายที่ซุ่มโจมตีฐานปฏิบัติการร้อย 15121 และความคืบหน้าเกี่ยวกับการใช้มาตรา 21 ในพื้นที่ ว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติในห้วงเวลาที่ผ่านมาตามที่ได้มอบนโยบายไว้ ทั้งนโยบายหลักและนโยบายรอง รวมถึงแนวททางในการปฏิบัติและพัฒนาตามแผนปฏิบติการตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีที่ผู้ก่อความไม่สงบมุ่งโจมตีทหารนั้น ทางทหารก็มีมาตรการในการป้องกันตนเองอยู่ ช่วงที่ผ่านมาทราบดีว่า ผู้ก่อเหตุรุนแรงต้องการนำปัญหาภาคใต้ไปสู่เรื่องการแบ่งแยกดินแดน และนำเข้าสู่สากลที่ประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามด้วยกัน เพื่อให้การช่วยเหลือหรือเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งที่ผ่านมายังไม่สำเร็จ เนื่องจากทางรัฐบาลไม่ได้ยกระดับเหตุการณ์ความรุนแรงเป็นเรื่องก่อการร้ายหรือแบ่งแยกดินแดน ความจริงมีหลายประการที่เกี่ยวข้องทั้งเรื่องยาเสพติด การกระทำผิดกฎหมาย เราต้องการให้เป็นเพียงผู้ก่อเหตุรุนแรง และเราไม่ยกระดับให้เขาเป็นผู้เจรจา เพราะโดยข้อเท็จริงไม่มีผู้กล่าวอ้างความรับผิดชอบ ทั้งหมดถือเป็นหลักการว่า อันไหนเป็นผู้ก่อการร้ายหรืออันไหนเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรง ขณะนี้ยังไม่มีอะไรชี้ชัดว่า ผู้ก่อการร้ายกลุ่มไหนที่จะรับผิดชอบ
“เราต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น เพราะฝ่ายที่ก่อเหตุความรุนแรงต้องการปฏิบัติกับเจ้าหน้าที่ เขาต้องการแย่งชิงอาวุธและเขาต้องการลดความเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ว่า สามารถคุ้มครองเขาได้ ประเด็นที่สองคือ ต้องการสร้างภาพความรุนแรงให้เกิดขึ้นและปล่อยข่าวว่า มีเจ้าหน้าที่ไปทำร้ายประชาชน แม้กระทั่งสถานศึกษาบางแห่ง ขณะนี้มีการพูดคุยให้ร้ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งผมจะไปย้ำเตือนให้ระมัดระวัง ขอเรียนว่า ไม่มีหรอก เพราะปัจจุบันเราได้กำกับดูแลและคาดโทษอย่างหนักในการกระทำนอกกฎหมาย ดังนั้นฝ่ายตรงข้ามจึงพยายามทำทุกอย่าง โดยการใช้วิธีคือ หนึ่ง ทำร้ายเจ้าหน้าที่ สอง ป้ายความผิดให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบ และสาม พยายามทำเรื่องนี้เข้าสู่สากล เพื่อยกระดับว่า เป็นการต่อสุ้แบ่งแยกดินแดน ซึ่งความจริงไม่ถึงขั้นนั้น ซึ่งการจับกุมบางส่วน เป็นส่วนที่มีการใช้เงินจ้างมาทำร้ายทหาร ซึ่งต้องสืบหากันว่า ใครออยุ่เบื้องหลังในการสนับสนุน ปัจจุบันมีข้อมูลมากพอสมควร แต่การดำเนินการต้องเป็นไปขั้นตอน และยังเป็นความลับอยู่ เพราะเป็นปฏิบัติงานด้านยุทธศาสตร์และยุทธวิธี หากพูดไปก่อนอาจทำให้เกิดความเสียหาย”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแม้แต่คนเดียวเราก็เสียใจ และเราต้องรับผิดชอบว่า จะทำอย่างไรให้สถานการณ์ดีขึ้น
ตนไม่ได้มองว่า เหตุกาณ์จะมากขึ้นหรือน้อยลง แต่มองว่า ทำอย่างไรจึงจะไม่มีการสูญเสียทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธ์ ทั้งนี้ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ประชาชนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็อนย่างดี ก่อนหน้าปี 2547 เจ้าหน้าที่ไม่ได้รับความร่วมมือ แต่วันนี้ดีขึ้นมาก ทั้งนี้เมื่อมีการต่อสู้กันก็ต้องมีการแย่งชิงมวลชนให้มากที่สุด สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือ การพัฒนาและการสร้างความเข้าใจ และดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชน ชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลเฝ้าระวังในพื้นที่ รวมถึงการนำอาชีพเข้าไปในพื้นที่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเสร็จในปี 2555
ทั้งนี้ฝ่ายตรงข้ามหรือฝ่ายก่อความรุนแรง เขาไม่มีเหมือนเรา เขามีอย่างเดียว คือ ใช้ความรุนแรง
ดังนั้นเราอย่าไปตกหลุมพราง เขาต้องการให้เราใช้ความรุนแรงในการปราบปราม เพื่อยกระดับเป็นเหตุการณ์ก่อการร้าย ถือเป็นสิ่งอันตราย ซึ่งเราต้องปูพื้นฐานในการแก้ไขปัญหา และบริหารจัดการให้ปัญหาอยู่ในภายในบ้านเรา เพื่อแก้ปัญหาของเราเอง สิ่งที่เน้นมากที่สุดในเวลานี้คือ การดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตทรัพยสินทั้งเจ้าหน้าที่ และประชาชนจึงต้องเพิ่มมาตรการในการรักษาความปลอดภัยทั้งในเวลากลางวัน และกลางคืนมากขึ้น แต่จะพยามยามให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด ทั้งนี้หากเราไม่ตั้งด่านขึ้นมา การตรวจค้นอาวุธ หรือการป้องกันอันตรายก็ทำได้ยาก