เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 31 มกราคม นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม
ทนายความเจ้าของสำนักงานกฎหมายอัมสเตอร์ดัม แอนด์ เปรอฟ ได้วิดีโอลิงก์จากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มายังห้ององค์การสื่อสารมวลชนเพื่อประชาธิปไตย ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว ชี้แจงการยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ทำให้ประชาชนเสียชีวิต 91 ศพในเหตุการณ์สลายการชุมนุมในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2553 ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ
นายโรเบิร์ต ระบุว่า ได้ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เมื่อวันที่ 31 มกราคม ในคดีการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
ใช้อาวุธจริงและอุปกรณ์ที่กองทัพใช้ในการสงคราม และผู้เชี่ยวชาญที่ถูกฝึกฝนเป็นทีมสไนเปอร์กว่า 150 คน ที่มีการระบุชัดเจนว่าบุคคลเหล่านี้มาในลักษณะของมือที่ 3 และเป็นการลับภายใต้ชื่อ คนชุดดำ เพื่อประหัตประหารประชาชนและลอบสังหารแกนนำคนเสื้อแดง กลายเป็นการสังหารหมู่ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทย โดยผู้มีบารมีที่เป็นผู้จัดตั้งกองทัพและรัฐบาลขึ้นมาหลังการรัฐประหาร 2549 ได้วางแผนและปรับเครื่องมือของกองทัพ มาใช้ปราบปรามประชาชน ผ่านการชี้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.
“ได้ยื่นเรื่องฟ้องร้องไปแล้ว แต่ศาลอาญาระหว่างประเทศ จะยังไม่รับเอาไว้ในทันที เพราะต้องมีกระบวนการตรวจสอบก่อน มีข้อมูลที่ตรงกับข้อที่ศาลอาญาระหว่างประเทศจะรับเอาไว้พิจารณาได้อย่างหนึ่งคือ นายอภิสิทธิ์ มีสัญชาติอังกฤษ อยู่ โดยเกิดในประเทศอังกฤษ ปี 1967 และหากจำเลยในคดีถือสัญญาติของประเทศที่ลงนามในสนธิสัญญาของศาลอาญาระหว่างประเทศนั้นภายใต้ มาตรา 12 บี นั้นจะสามารถดำเนินคดีได้ทันที โดยในกฎหมายของอังกฤษปี 1948 มาตรา 4 ระบุว่าคนที่เกิดหลังจากนั้นจะได้รับสัญชาติอังกฤษทันที แม้นายอภิสิทธิ์ จะไม่รับสัญชาติอังกฤษ แต่ก็ต้องดูวันที่ว่าขอถอนสัญชาตินั้นหลังจากฆ่าประชาชนหรือไม่ และคนไทยจะปล่อยให้ฆาตกรมือเปื้อนเลือดและมีสัญชาติอังกฤษเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปหรือ”