“ประวิตร”ชี้ กัมพูชาเสริมกำลังป้องกันพื้นที่ตนเอง เชื่อสถานการณ์ไม่ร้ายแรง ย้ำไม่ถึงขั้นรบกัน
เมื่อวันที่ 30 ม.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย- กัมพูชา กรณีกองทัพกัมพูชาได้เสริมกำลังทหาร รถถัง อาวุธหนักตามแนวชายแดนกัมพูชา บริเวณตรงข้าม จ.ศรีสะเกษ ว่า ทหารกัมพูชาอาจแค่เตรียมป้องกันประเทศของตนเองซึ่งทางกองทัพไทยก็เตรียมป้องกันชายแดนประเทศไทยเหมือน ซึ่งต่างคนต่างป้องกันในพื้นที่ของตนเองไม่มีปัญหาอะไร และกำลังทหารกับยุทโธปกรณ์ของกัมพูชาที่เสริมกำลังก็อยู่ในประเทศกัมพูชา ส่วนกำลังทหารไทยเราพร้อมเต็มที่ในการดูแลอธิปไตยของไทย
“เชื่อว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาคงไม่มีปัญหาอะไรร้ายแรง ทางกระทรวงต่างประเทศคงเจรจากันได้ เพราะเรื่องทุกอย่างต้องพูดจากัน ที่สำคัญไทยกับกัมพูชาเป็นเพื่อนบ้านกัน เราจะรบกันเพราะเรื่องอะไร ซึ่งความจริงไทยกับกัมพูชาไม่ได้มีเรื่องอะไรที่ร้ายแรงที่ต้องถึงขนาดต้องรบกันเลย” รมว.กลาโหมกล่าว
พล.อ.ประวิตร ระบุเมื่อถามว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ พูดในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์”
หากมีธงกัมพูชาหน้าทางเข้าวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ต้องให้เอาลงมาเพราะถือว่าพื้นที่บริเวณนี้ไม่ใช่พื้นที่ของกัมพูชา พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ธงที่ระบุนั้นเป็นธงของวัดฯที่อยู่หน้าทางเข้าวัดฯ ซึ่งธงนั้นอันนิดเดียวเอง อย่างไรก็ดี ทางนายกฯกับทางกระทรวงต่างประเทศคงจะมีการหารือทางกัมพูชาซึ่งไม่น่ามีปัญหา
เมื่อถามว่า ดูเหมือนท่าทีประเทศกันพูชาแข็งกร้าวต่อประเ ทศไทย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า
ถ้ากัมพูชาแข็งกร้าวต่อไทยคงไม่รื้อป้ายที่มีข้อความประณามทหารไทย เห็นได้ว่าเขาให้ความร่วมมือต่อเราเป็นอย่างดี เมื่อเราไม่อยากให้ตั้งป้ายกัมพูชาก็รื้อทิ้งตามที่เราต้องการ ดังนั้น เราจะไปเอาอะไรกับเขาอีก อย่างไรก็ตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาจะร้อนแรงหรือไม่อยู่ที่การนำเสนอขอสื่อมวลชนที่ต้องช่วยกันอย่านำเสนอข่าวที่เป็นการยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งระหว่างทั้ง 2 ประเทศ