วันนี้ (30 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนินนอก
ตั้งแต่ช่วงเช้า ยังดำเนินไปอย่างสงบโดยผู้ชุมนุมได้เริ่มกิจวัตรประจำวัน บางรายก็กลับไปทำธุระส่วนตัวก่อนจะกลับมาร่วมชุมนุมใหม่ในช่วงเย็น ทำให้พื้นที่การชุมนุมค่อนข้างบางตา อย่างไรก็ตามได้มีการปรับพื้นที่การชุมนุมใหม่ โดยมีการเปิดรั้วด้านแยกมิกสกวันเพื่อเชื่อมพื้นที่การชุมนุมกับกองทัพธรรมและกลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ขณะที่กลุ่มประชาชนไทยฯ ก็ได้ปรับพื้นที่การชุมนุมบริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ให้สามารถเข้าออกพื้นที่การชุมนุมได้เพียงช่องทางเดียว พร้อมทั้งมีการเปิดโรงเรียนสอนดนตรีไทย การแพทย์ทางเลือกโดยการใช้สมุนไพรไทย ให้กับผู้สนใจด้วย
ต่อมาเวลา 10.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วยนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ
ได้ร่วมกันแถลงข่าว โดยยืนยันว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อกดดันเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเร่งดำเนินการตามเงื่อนไข 3 ข้อ เพื่อแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชานั้น ไม่มีเจตนาให้เกิดการปะทะหรือเกิดสงครามใดๆ การยกเลิกเอ็มโอยู 2543 เป็นเพียงการเปิดช่องให้มีการเจรจาเรื่องเขตแดนใหม่ระหว่างไทย-กัมพูชา ดังนั้นจึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีกำหนดระยะเวลาให้ชัดเจนว่าจะดำเนินการตามข้อเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ ได้สำเร็จภายในเมื่อไร ตราบใดที่รัฐบาลยังไม่ดำเนินการใด ๆ ตามข้อเรียกร้องกลุ่มพันธมิตรฯ ก็จะไม่สลายการชุมนุมโดยเด็ดขาด เพราะเป็นการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63 70 และ 71 รัฐบาลไม่มีสิทธิที่จะมาสลายการชุมนุม แต่รัฐบาลควรเร่งใช้อำนาจทางตุลาการหรือกฎหมายไปผลักดันให้ชาวกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทย กลับไปอยู่ฝั่งกัมพูชาให้หมด
นายปานเทพ กล่าวว่า การที่พันธมิตรฯ เรียกร้องให้รัฐบาลแสดงแสนยานุภาพทางการทหารนั้น
เพื่อกดดันให้ทหารกัมพูชาถอยออกจากเขตพื้นที่ประเทศไทย ตนมั่นใจว่าจะไม่เกิดสงครามเหมือนเหตุการณ์บ้านร่มเกล้า จ.พิษณุโลก ที่มีปัญหาชายแดนระหว่างไทย-ลาวแน่นอน เพราะเคยมีเหตุการณ์ในปี 2548 ที่รัฐบาลไทยเคยประกาศให้กัมพูชาถอนกำลังทหารออกจากเขตพื้นที่ทับซ้อน บริวเวณวัดแก้วคีรีสาวะระสิกขา ซึ่งตอนนั้นกัมพูชาก็ยอมถอนกำลังทหารออกไปและเปิดการเจรจา ต่อมาในปี 2551 กองกำลังบูรพานำกำลังทหารไปบุกช่วยคนไทยที่ถูกทหารกัมพูชาจับตัวไปที่บริเวณวัดแก้วฯ ซึ่งทหารกัมพูชาก็ยอมถอนกำลังทหารออกไปและปล่อยตัวคนไทยกลับคืนมา ล่าสุดเหตุการณ์รื้อป้ายหิน เราก็ใช้กองกำลังทหารกดดันจนทำให้มีการทุบป้ายและเปิดการเจรจากันใหม่ ซึ่งทั้ง 3 เหตุการณ์เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าทางกัมพูชาไม่พร้อมจะทำสงครามกับไทย เนื่องจากจะกระทบต่อแผนการบริหารจัดการปราสาทพระวิหาร ซึ่งได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลก
ด้าน พล.ต. จำลอง กล่าวว่า รัฐบาลมักเอาเรื่องสงครามมาข่มขู่ประชาชน ทั้งที่ปัญหาความขัดแย้งตามแนวชายแดนเป็นเรื่องปกติที่มีกันอยู่ทุกประเทศ
ซึ่งย่อมมีการปะทะกันบ้าง แต่ไม่จำเป็นต้องทำสงครามขนาดใหญ่ พันธมิตรฯ ไม่มีเจตนาที่จะไปรุกรานข่มขู่ทำร้ายประชาชนกัมพูชา แต่เราเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องเขตแดนและอธิปไตยของประเทศไทย และต่อต้านรัฐบาลกัมพูชาที่พยายามรุกล้ำเข้ามาหาผลประโยชน์จากประเทศไทย แต่ถ้าเห็นว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีการรุกล้ำรัฐบาลกัมพูชาก็ดำเนินการตามกฎหมายไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากเกิดสงครามขึ้นมาจริงนั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหา ไม่ใช่หน้าที่ของพันธมิตรฯ.