“เพื่อไทย”ปูด“แผนจตุรทิศพิชิตเมือง” คล้ายบันได 4 ขั้น เชื่อปฎิวัติเกิดขึ้นยากคนต้านหนัก
วันนี้ (29ม.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการปฏิวัติในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า ได้มีอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาได้ส่งรายงานแผนการที่เป็นความต้องการของผู้มีอำนาจที่เกลียดคูหาเลือกตั้ง เกลียดประชาธิปไตย และยังดูถูกประชาชน โดยใช้ชื่อว่า “แผนจตุรทิศพิชิตเมือง” มาให้คณะที่ปรึกษาด้านการเมืองและความมั่นคงของพรรค ซึ่งแผนดังกล่าวมีความคล้ายกับแผนบันได 4 ขั้นก่อนการปฏิวัติ 19 ก.ย. 2549 ซึ่งแผนที่หนึ่งมีชื่อว่า ”ทิศแห่งพลัง” คือการสร้างพลังให้แข็งแรงกับเครือข่าย ด้วยการให้มือและแขนขาของตนทำงานได้อย่างแข็งแรง เช่น การใช้ตุลาการภิวัฒน์เพื่อให้เกิดความไว้วางใจและมั่นคงว่าดูแลได้ เห็นได้จากกรณีคดีของพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 2 คดี แผนที่สอง คือ ”ทิศแห่งเงินตรา”มีลักษณะการทำคุณให้คนใกล้ชิดด้วยการใช้เงินมหาศาลในทุกระบบซึ่งมีรายงานว่าอาจมีการใช้เงินมากกว่างบประมาณประเทศบางปี เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย อาทิ ให้เงินพรรคการเมือง ซื้อตัวข้าราชการ ซื้อตัว ส.ส.ในพรรคอื่นไปร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลในสมัยหน้าและพร้อมจะคืนกลับ ในรูปแบบใช้เงินงบประมาณประเทศ
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า แผนที่สาม “ทิศแห่งกฎเกณฑ์” พบว่าเป็นการวางกฎเกณฑ์เพื่อให้คู่ต่อสู้อ่อนแอในทุกรูปแบบและพ่ายแพ้ไปในที่สุดด้วยการเขียนกติกาต่างๆในสังคมเอง เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เป็นคุณต่อพรรคในรัฐบาลทั้งๆที่พรรคประชาธิปัตย์เคยแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าจะไม่แก้แต่สุดท้ายก็ยอมกลืนน้ำลายตัวเอง และยิ่งกรณีแกนนำพรรคร่วมระดับผู้หลักผู้ใหญ่ที่ยืนยันชัดเจนไม่เห็นด้วยกับ สูตร 375+125 แต่สุดท้ายก็อาจโดนแผนนี้จนอ่อนระทวยได้ และแผนที่สี่ ”ทิศแห่งอำนาจ ” ทิศนี้ดูจะสอดคล้องความเป็นจริงมากขึ้นหลังจาก การจุดประเด็นเรื่องการปฎิวัติในหลายวันที่ผ่านมาและการออกมาชุมนุมของพันธมิตรฯ ซึ่งแผนนี้ถือเป็นการกันเหนียวหากเกิดการเบี้ยวของรัฐบาลและพรรคร่วม รวมทั้งการเลือกตั้งครั้งหน้าหากไม่สำเร็จก็จะทำการโค่นล้มด้วยการปั่นกระแสความวุ่นวายในบ้านเมืองและลากรถถังออกมายึดอำนาจล้มกระดานประชาธิปไตย
นายจิรายุ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ที่ปรึกษาพรรคฯต่างเห็นตรงกันว่า “แผนจตุรทิศพิชิตเมือง” ดูจะเป็นแผนแม่บทต้นแบบในการทำงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ และดูจะเป็นเหตุเป็นผล เห็นได้จากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับประเทศในช่วง 2 ปี มานี้ และยิ่งใกล้โหมดเลือกตั้งการ การแก้รัฐธรรมนูญผ่านก็ยิ่งดูเข้าเค้าตามแผนนี้มากขึ้น เพราะขนาดนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ยืนยันว่าจะให้ลูกพรรคโหวต400+100 ยังมีข่าวว่า ได้เอ่ยปากขอโทษกับแกนนำพรรคเพื่อไทยว่า “ขอโทษครับ ผมก็ถูกหักหลัง” แต่การปฏิวัติในสมัยนี้คงไม่เกิดขึ้นได้อย่างง่าย เนื่องจากมีเทคโนโลยีเข้าถึง หากเกิดขึ้นจริงคงมีการต่อต้านอย่างหนัก หรืออาจเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นได้